อดีตพระเอก พูดแล้วสาเหตุ หายหน้าออกจากวงการไปนาน

เรียกว่าเป็นอดีตพระเอกที่หลายคนคงจะคุ้นหน้าคุ้นตากันดี สำหรับ หรั่ง เพชรฎี ศรีฤกษ์ หรือ หรั่ง รัฐธรรมนูญ ที่ล่าสุด เจ้าตัวได้ควงลูกสาวมาเปิดใจในรายการคุยแซ่บ Show ถึงสาเหตุที่หายหน้าหายตาไปจากวงการ ซ้ำยังเจอคนเม้าท์ว่าตกอับ ซึ่งเรื่องนี้เจ้าตัวได้เผยว่า

ลังจากที่ละครดังก็เห็นว่าหายไปเลยจากหน้าจอมันเกิดอะไรขึ้นชีวิตช่วงนั้น ?

หรั่ง เพชรฎี : ปัญหาสุขภาพครับช่วงนั้นเราถ่ายละครแทบจะไม่มีเวลา สุขภาพหัวเข่าผมจะไม่ค่อยดีมากๆเลยเพราะผมเป็นคนชอบเล่นกีฬาตั้งแต่เล็กๆ

ชอบเล่นฟุตบอลตั้งแต่ตอนเล็กๆ ก็ไม่ได้นึกว่าตัวเองต้องมาถ่ายละคร เพราะฉะนั้นปัญหาหัวเข่ามันก็ค่อนข้างลามขึ้น โดยที่เราไม่รู้ตัว ส่งผลต่อการทำงาน

บางทีก็กำกับให้เราทำอะไรบางทีเราก็ทำไม่ได้ เก็บไว้คนเดียว เรื่องการนอนไม่หลับด้วยอีกสาเหตุ เราจะเป็นโรควิตกกังวลล่วงหน้า

อย่างเช่นจะมีกองเปิดใหม่พรุ่งนี้ที่เราจะต้องไปเล่นเราจะต้องนอนพลิกไปพลิกมา ต้องไปเจอดาราใหม่ทีมงานใหม่ เป็นโรคที่คิดไปก่อน

เมื่อก่อนเราก็คิดว่ามันเป็นแค่โรควิตกกังวลของตัวเราเอง แต่พอเวลาผ่านไปหลายปีหลายปีเราว่ามันเป็นโรคแล้วแหละ ที่แก้ไม่หายสักที

ก็เลยเปลี่ยนตัวเองแก้ด้วยการที่นอนก็ปิดไฟ คาเฟอีนก็เบาลง เวลาทำกิจกรรมอื่นๆเราก็จะเปลี่ยนท่าไม่อยู่ในท่าเดียว

อย่างเช่นตัดหญ้าหน้าบ้าน ปกติเราตัดหญ้าเราก็จะได้อยู่แค่ท่าเดียวเพราะเวลาเราลุกขึ้นก็จะเหมือนฝืน

อายุเท่าไหร่ที่เรามีปัญหาด้านสุขภาพ ?

หรั่ง เพชรฎี : ประมาณ 30 กว่า มันมาเร็วมากสาเหตุมาจากเราเล่นกีฬาหนัก บางทีมันเป็นช่วงเวลาของคน คนเราถ้าใช้ร่างกายหนัก และน้ำหนักมากเกินไปมันก็จะมาถึงเร็ว

เวลาเกิดการกังวลและนอนไม่หลับส่งผลสุขภาพยังไงบ้าง ?

หรั่ง เพชรฎี : ก็โทรม ดูเหมือนไม่ได้นอน ร่างกายซูบผอม ความจำจะไม่ค่อยดี เพราะเราไม่ได้นอนไม่ได้พักผ่อนหลายวันติดกัน ต้องหาวิธีแก้ไข

นี่เป็นการออกรายการครั้งแรกของพ่อลูกคู่กันเลย ?

หรั่ง เพชรฎี : ใช่ครับ (หัวเราะ)

แต่บางคนใช้คำว่าพระเอกตกอับกับเราที่เราหายไปจากวงการ?

หรั่ง เพชรฎี : ก็ไม่ทราบเลยพึ่งมาทราบ แต่พี่ก็ไม่ได้รู้สึกอะไร มองเป็นเรื่องธรรมดา

การที่เรามีอาชีพเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งอาชีพเรามองว่ามันดีนะ กับยุคสมัยปัจจุบันนี้ที่มันเปลี่ยนแปลงไปเร็วมาก เราทำอะไรได้ก่อนเราก็ควรจะทำ

เลือกเข่าและอาการวิตกกังวลสามารถกลับมาทำงานได้ ?

หรั่ง เพชรฎี : ครับ กลับมาทำงานได้แล้ว แต่ผมไม่ได้ผ่าตัดนะ เพราะคนเราถ้าปวดเข่าอยู่ดีดีจะไปผ่าตัดเลยไม่ได้นะ ต้องดูอาการ 123 ว่าควรจะผ่าไหม

ผมก็เคยไปหาคุณหมอนะคือคุณหมอคนแรก เค้าก็เอาเครื่องปทุนผิว มาจับๆเรานิดเดียว เราก็หาย ผมกลับมาก็ทำตัวปกติแล้วก็เล่นกีฬาเหมือนเดิม

ครั้งที่สองเพราะเป็นหนักเข้า เพราะว่าครั้งนั้นผมโยนลูกบอลปลายผมคิดว่าเพื่อนหนูเข้าแน่นอน ผมโยนปุ๊บมันรู้สึกเหมือนว่าหัวเข่าเราหลุด

แรงที่ส่งไปหาเพื่อนมันเบามาก ผู้รักษาประตูออกมารับสบายมาก ทำให้ผมต้องตัดสินใจไปหาคุณหมออีกครั้ง

ซึ่งคุณหมอก็บอกว่าไม่เป็นไรสบายๆ ในใจเราก็ว่าสบายหรอแต่ก็ไม่ได้ผ่าตัดครั้งหนึ่ง ก็มารักษาตัวเองจนถึงทุกวันนี้

ขอบคุณข้อมูล: Orange Mama