ดาราสาวคนดัง คลั่งผอมหนัก จนเป็นโรคไม่ชอบรูปร่างตัวเอง

ต้องบอกเลยว่าเป็นดาราสาวที่หุ่นปังมากๆเลยค่า สำหรับ ยิปซี คีรติ ที่ดูแลสุขภาพร่างกายของตัวเองเป็นอย่างดี จนทำให้หุ่นของยิปซีสวยเพอร์เฟคเอามากๆ ล่าสุด ยิปซี ได้ออกมาแชร์บทเรียนชีวิตหลังจากที่เธอเคยลดน้ำหนักแบบสุดโต่งจนต้องเผชิญกับ Eating Disorder และ Body Dysmorphia

ความเชื่อของการกินที่ดีในตอนนี้ ?

ยิปซี : ตอนนี้ก็คืนสู่สามัญ คือบาลานซ์ไดเอทที่รู้สึกว่าเวิร์กกับชีวิตตัวเองจริง ๆ และอยู่ได้ยาว ๆ ความคิดที่ผิดก็คือ ความสุดโต่ง

ที่เคยลองมาทั้งหมดเมื่อก่อน การคิดว่าอาหารบางอย่างเป็นอาหารต้องห้าม เช่น แป้ง กินให้น้อยที่สุด หรือ ไขมันจะทำให้เราอ้วน

ไขมันเป็นศัตรู เราก็จะพยายามที่จะไม่กิน มีช่วงหนึ่งก็คือเป็นแบบกินน้อยมาก ๆ หรือแบบพยายามเลี่ยงให้มากที่สุด เคยพยายามนับแคลแต่ว่าก็ไม่ได้นับแบบเป๊ะขนาดนั้น

สิ่งที่ทำแล้วรู้สึกว่าได้ผล ?

ยิปซี : ลองผิดลองถูกเคยลดน้ำหนักด้วยวิธีที่เคร่งครัดมาก เช่น คัตคาร์บ งดไขมัน และออกกำลังกายอย่างบ้าคลั่ง

โดยเชื่อว่าถ้า กินน้อย + ใช้พลังงานเยอะ = ผอม ซึ่งก็ได้ผลจริงในระยะแรก แต่น้ำหนักลดอยู่ไม่นาน ก่อนจะโยโย่กลับมา

ร่างกายเริ่มต่อต้านจากความเครียดที่สะสม ฮอร์โมนคอร์ติซอลหลั่งมากขึ้น ทำให้น้ำหนักนิ่งไม่ลด

ทั้งที่ยังควบคุมอาหารและออกกำลังกายหนักเหมือนเดิม เราเป็นคนมีวินัยไม่ยอมแพ้ ออกกำลังกายเยอะขึ้นแล้วเราก็กินให้น้อยลง

มีช่วงที่อ้วนไหม ?

ยิปซี : รู้สึกว่าตัวเองป่วยจิต มองว่ารูปร่างยังไม่ดีพอ พอมาหาหมอแล้วก็ปรึกษารู้ว่าเป็น Eating Disorder คือ กึ่งๆ ค่อนไปทาง Anorexia นิดๆ

จะเป็นเหมือนแบบพยายามไม่กิน แต่ว่าไม่ได้เป็น Bulimia ไม่เคย ไม่เคยกินแล้วล้วงคอ ก็คือจะกลัวอาหาร

จะเป็นแบบมี Bad relationship กับอาหาร รู้สึกว่าเหมือนไม่กล้ากิน กินแล้วรู้สึกผิด ไม่ได้กลัวแบบเห็นอาหารแล้วก็กลัว

ไม่ใช่กลัวแบบนั้น เรายังอยากกินอยู่เหมือนเดิม เพียงแต่ว่าเรารู้สึกว่าจะเยอะไปไหม น้ำหนักจะขึ้นไหม

คุณหมอวินิจฉัยว่ายังไง ?

ยิปซี : มารู้ทีหลังคือตอนที่เราผ่านลองผิดมา แต่เราไม่เคยหาหมอ เรามาหาหมอ เรารู้ว่าที่เราเห็นว่า เราอ้วน เรายังไม่สวยพอ

หุ่นเรายังไม่ดี เรียกว่า Body Dysmorphic Disorder หรือ Body Dysmorphia คือการที่เรา เป็นเหมือนเห็นตัวเราในกระจก

แต่มันเป็นการเห็นที่ผิดเพี้ยนจากความเป็นจริงไปมาก เหมือนคนบางคนเขาเห็นจริง ๆ ว่าเขาน่าเกลียดแล้วคน 100 คนก็แบบเห็นว่าก็ดูดี เราเคยเป็นโรคนั้น

กระทบถึงจิตใจยังไง ?

ยิปซี : ร้องไห้เป็นบ้าคลั่งเพื่อนสนิท ในขณะที่คนชมสวยมาก กดไลก์ให้ แต่เราก็คือโทรหาเพื่อน

วันนี้รู้สึกอัปลักษณ์แล้วก็ร้องไห้ ร้องไห้ทำงานไม่ได้ ร้องไห้เป็นแบบบ้า ไม่ใช่แค่นอย มันเกินไปแล้ว มันคือป่วยแบบทางนี้

จุดที่ทำให้เราเปลี่ยนคืออะไร ?

ยิปซี : เป็นเรื่องของความบังเอิญ เราเป็นซึมเศร้ามาก่อนแล้วเราก็เป็นแพนิค เราก็เลยตัดสินใจหาหมอเพื่อรักษาอาการแพนิคก่อน

แพนิคส่วนหนึ่งมันจะเกิดจากความกังวลที่สะสมหรือความเครียด เราเลยตัดสินใจดูแลสุขภาพจิตด้วย

อยากเริ่มต้นใหม่ อยากเป็นคนที่มี Healthy mind ตอนนั้นเราก็ได้รับการรักษาเรื่องนี้ไปด้วย

เพราะมันเป็นหนึ่งในปมของเรา การที่เราเหมือนมี Negative Image หรือแบบมีความรู้สึกที่แย่กับร่างกายตัวเองมาตลอดโดยที่ไม่ได้รับการแก้ไข ตัดสินใจรักษา

ตอนนั้นที่รู้สึกแย่ ๆ ช่วงนั้นเรากินอะไร ?

ยิปซี : กินผิดมาตลอด เราพยายามปรับมาเป็นการกินที่มัน Sustainable มากขึ้น ผ่านยุคที่กินแคลน้อย แล้วก็ Obsess กับอาหาร

อาหารบางอย่างจะเป็นสิ่งต้องห้าม ก็จะมียุคแรกที่เป็นแบบนั้นที่สุดโต่งสุด ๆ พอมายุคที่ 2 ก็ปฏิวัติตัวเอง เริ่มเข้ายิม

คนเริ่มเห็นว่าหุ่นดี มี Six Pack แต่จิตเราก็ยังป่วยอยู่ ตอนนั้นเราเริ่มที่จะปรับเพื่อการกิน ให้สุขภาพร่างกายเราดีขึ้น

ยุคแรกน้นผอมติดผอม คือ ผอมคือสวย ไม่ได้เน้นว่าแบบสุขภาพดี พอมายุค 2 เป็นยุคที่อยาก Healthy ก็คือเริ่มเล่นเวท

เริ่มมีกล้ามเนื้อ เริ่มมี Six Pack แล้วก็กินคลีน ยุคนั้นเป็นยุคกินคลีน กินคลีนมันคือ Healthy จุดเปลี่ยนรู้สึกว่ากลับมาสู่ ทางสายกลาง อะไรมากไปก็ไม่ดีทั้งนั้น

ตอนที่กินคลีน แล้วกลับมากินแบบบาลานซ์มากขึ้น คือจุดที่รู้สึกว่าปลดล็อกแล้ว ?

ยิปซี : ช่วงแรก ๆ ยากมาก จากคนที่เคยกินคลีน แบบไม่มีโซเดียม ไม่มีไขมันเลย มันแทบไม่มีอะไรให้รู้สึกว่า อร่อยเลย

กินก็ไม่ได้รู้สึกเอ็นจอยเท่าไหร่ กินเพราะรู้สึกว่ามันดีต่อร่างกายล้วน ๆ ตอนนั้นคือแบบสุดโต่งมากเลยนะ เราคิดว่าโอเค

ฉันจะดูแลตัวเองแล้วนะ ทุกมื้อที่กินเหมือนกับว่ากินเพราะมันมีประโยชน์ ไม่ได้กินเพราะมันอร่อย กินผักก็กินไปแบบนั้นก็โอเค

ไม่ได้ทรมานมาก อยู่ได้ แต่ถามว่าอร่อยไหม มันก็สู้การกินอาหารทั่วไปไม่ได้อยู่ดี เราหยุดกินคลีนไม่ใช่เพราะทำไม่ได้

ถ้าจะให้ทำต่อเรื่อย ๆ ก็ทำได้ แต่มันมาถึงจุดที่เราเริ่มติดขัด เพราะเรารู้สึกว่า เราอยู่ได้ แต่เราไม่ได้อยู่คนเดียวบนโลก

เวลาที่ไปกินข้าวกับเพื่อน กับแฟน กับครอบครัว คนรอบตัวเราไม่ได้กินแบบเราไง แล้วเราก็เริ่มเห็นว่าการกินมันเป็นส่วนที่ใหญ่มากในชีวิตนะ

วันหนึ่งเรากินตั้ง 3 มื้อ มันไม่ใช่แค่เพื่อให้ร่างกายมีพลัง แต่มันคือ โมเมนต์ มันคือ ประสบการณ์

และมันคือ การได้เชื่อมโยงกับคนที่เรารัก ซึ่งตรงนั้น.มันก็มีคุณค่าในแบบของมันเหมือนกัน

ตอนที่เรากินคลีน ความสัมพันธ์ของเรากับคนรอบข้างเป็นยังไง ?

ยิปซี : เราทำให้คนรอบข้างอึดอัด เพราะว่าตอนนั้นเวลาไปเจอเพื่อน หรือไปกินข้าวข้างนอก พี่จะกินมาแล้วจากบ้าน

ซึ่งเพื่อนก็รู้แหละว่าเราคุมอาหารอยู่ แต่พอไปถึงร้าน เพื่อนเขาก็กินกันปกติ ส่วนเราก็แค่นั่งจิบน้ำ มันก็รู้สึกแปลกๆ

ในมุมมองส่วนตัว ถ้าใครยังรู้สึกว่าการกินคลีนมันทำได้ยั่งยืน และมันทำให้ชีวิตเขามีความสุข

ก็โอเค แต่แค่สำหรับพี่ พอลองใช้ชีวิตอีกแบบแล้ว พี่รู้สึกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ มันแฮปปี้กว่าเยอะ

ขอบคุณข้อมูล: Alive dot