ก่อนหน้านี้ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ประกาศว่าจะเริ่มบังคับใช้กฎหมายกณฑ์ทหารอย่างเต็มรูปแบบ ตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงของประเทศ ท่ามกลางสถานการณ์ความตึงเครียดที่ยังคงดำเนินอยู่บริเวณชายแดนกับประเทศไทย
ล่าสุด นายสรรหา (สงวนนามสกุล) อายุ 67 ปี เป็นคนไทยที่เคยถูกรัฐบาลกัมพูชาจับไปเป็นทหารเมื่อประมาณ 40 ปีก่อน สมัยที่ สมเด็จฮุนเซน ยังไม่เป็นนายกฯ เจ้าตัวเล่าให้ฟังว่าช่วงนั้นตนเป็นหนึ่งในสมาชิกของกลุ่มคอมมิวนิสต์ไทย ที่ต้องไปทำมาหากินตามชายแดนและได้ไปอยู่กับชาวบ้านของคนกัมพูชา
โดยที่ตนไม่ได้บอกว่าเป็นคนไทย เพราะถ้าเขารู้จะโดนฆ่าทิ้ง ตอนนั้นชาวกัมพูชาให้ตนทำนาแลกกับการให้กินข้าว โดยจะให้ไปทำนาตั้งแต่ประมาณ 11 โมงเช้าถึง 5 ทุ่ม ให้ข้าวกิน 2 มื้อคือเที่ยงและเย็น แต่อาหารที่ให้กินแต่ละมื้อก็ไม่ได้เยอะ เป็นข้าว 1 ถ้วย กับแกงต้มปลาผสมผัก 1 ถ้วย แบ่งกันกินประมาณ 4 คน แล้วก็ไม่มีเงินค่าจ้างให้ด้วย
ซึ่งตนทำอยู่ประมาณ 1 ปี ปรากฏว่าคนไทยที่ไปด้วยกันทยอยกันกลับ ก็เลยจะกลับด้วย แต่เป็นจังหวะที่เวียดนามเข้ามารบกับกัมพูชาพอดี ทางกัมพูชาก็เลยเข้ามาตระเวนหาผู้ชายที่อายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป ทำให้ทางเจ้าของบ้านได้จดชื่อของตนกับเพื่อนส่งให้รัฐบาลกัมพูชาเพื่อให้เข้าไปเป็นทหาร
หลังจากนั้นกองทัพกัมพูชาก็เข้ามาพาตนไปเข้ารับการฝึก ใช้เวลาฝึก 3 เดือน เป็นเพียงแค่การไปฟังนโยบายของกองทัพว่าต้องต่อสู้ยังไงและฝึกเรื่องการหลบหนีขณะสู้รบ ไม่ได้มีการให้จับปืนซ้อมยิง แต่พอเข้าสู่สนามรบจริง ก็ส่งตนไปอยู่แถบชายแดนประมาณ 3 ปี พร้อมกับให้ปืนอาก้าคนละ 1 กระบอก พร้อมกับชุดทหารกัมพูชามาให้ใส่ โดยไม่มีอุปกรณ์ป้องกัน
ตลอด 3 ปีที่ถูกจับไปเป็นทหารกัมพูชา ตนได้เงินเดือน 90 เรียล หรือประมาณ 0.73 บาท โดยจะจ่ายให้ทุกๆ 3 เดือน ส่วนอาหารการกินขณะสู้รบ ทางกองทัพจะให้กินตามมีตามเกิด โดยจะให้หมูกระป๋อง (คล้ายๆปลากระป๋องไทย) กับทหารคนละ 7 กระป๋องต่อเดือน พวกตนอยู่กันจุดละ 3-5 คน ก็ต้องแบ่งกันกินกับเพื่อน เพื่อให้อยู่รอดถึงเดือน
ยอมรับว่าพยายามจะหนีออกจากสนามรบ 2 ครั้ง ครั้งแรกไม่สำเร็จ เพราะตนหนีกลับไปที่บ้านของคนกัมพูชาที่เคยไปทำนาด้วยกัน แล้วทหารกัมพูชาก็ตามมาจับตัวกลับไปเป็นทหารต่อ ตอนนั้นเครียดมาก กลัวจะโดนฆ่าทิ้ง พอครั้งที่ 2 ตนก็ปรึกษากับทหารกัมพูชาว่าอยากหนีทหาร
แต่ไม่ได้บอกว่าจะมาฝั่งไทย เพื่อนกัมพูชาเขมรคนนั้นจึงบอกกับตนว่า ถ้าจะหนี ต้องหนีไปให้ไกล ไปให้พ้นแผ่นดินเขมร ไม่งั้นจะโดนฆ่าทิ้ง “นายสรรหา” บอกว่าทหารกัมพูชาส่วนใหญ่เท่าที่ตนสัมผัสจะมีตั้งแต่อายุ 18 ปี จนถึง 60 ปี และมักจะถูกบังคับมาให้เป็นทหาร
แม้กระทั่งคนที่มีครอบครัว มีลูกต้องดูแล ก็ยังโดนจับไปเป็นทหาร และสมัยนั้นทหารกัมพูชามักจะได้รับบาดเจ็บและตายจากการถูกกับดักระเบิดที่ทหารกัมพูชาวางไว้เอง เพราะตอนนั้นจะทหารกัมพูชาจะแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มและสู้กันเอง เนื่องจากบางกลุ่มก็ตกเป็นลูกน้องของทหารเวียดนามขณะสู้รบ
ขอบคุณข้อมูล: amarintv