ยังคงเป็นปะเด็นที่ดูเหมือนว่าจะไม่จบลงง่ายๆ กรณี หลวงพ่ออลงกต วัดพระบาทน้ำพุ ที่ล่าสุด สาวคนดัง หนึ่ง บางปู อดีตนักร้องลูกทุ่ง หอบหลักฐานเงินบริจาค 5 ล้าน แจ้งความวัดพระบาทน้ำพุ พร้อมพนมมือสาบาน หากแสวงหาผลประโยชน์จากวัดพระบาทน้ำพุ ขอให้ตนเองฉิบหาย
แต่หากหวังดีคิดดีขอให้ตนเองเจริญรุ่งเรือง และหากลูกศิษย์วัดมีหลักฐานว่าตนเองหาผลประโยชน์จากวัด ก็ให้เอาหลักฐานออกมาชี้แจง
แต่ถ้าไม่มีหลักฐาน ตนเองก็สามารถฟ้องหมิ่นประมาทได้เช่นกัน ส่วน “หลวงพ่ออลงกต” หรือนายเกรียงไกร ก็ขอให้ออกมาชี้แจงด้วย
หนึ่ง บางปู ก็นำหลักฐานเข้าการบริจาคเงินให้กับวัดพระบาทน้ำพุ รวมกว่า 5 ล้านบาท เข้าแจ้งความที่ศูนย์รับเรื่องร้องทุกข์กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง
ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและดำเนินคดีกับบุคคลที่เกี่ยวข้อง หนึ่ง บางปู เล่าว่า ได้เริ่มบริจาคเงินให้กับวัดพระบาทน้ำพุมานานกว่า 10 ปี
ทยอยบริจาคเรื่อยมาด้วยความศรัทธา ครั้งละหลักแสนถึงหลักล้านบาท รวมกว่า 5 ล้านบาท เป็นเงินสดทั้งหมด จนได้รู้จักกับทีมงาน
และได้เข้าไปช่วยงานให้กับ “หลวงพ่ออลงกต” เวลาไปรับบิณฑบาตรตามที่ต่างๆ มีไปร้องเพลง ทำกิจกรรมต่างๆ เพื่อให้คนมาบริจาคเงินทำบุญ
จนในที่สุด “หลวงพ่ออลงกต” ก็แต่งตั้งให้ตนเองเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของวัด ครั้งหนึ่ง “หลวงพ่ออลงกต” เคยพยายามให้ตนเองรู้จักกับ “หมอบี ทูตสื่อวิญญาณ”
แต่ตนเองปฏิเสธไปเพราะไม่ถูกชะตา จึงไม่ทำงานกับ “หมอบี” ทั้งนี้ตลอดเวลาที่ทำงานให้กับวัด ตนเองเงียบอย่างเดียว เพราะรักและศรัทธา “หลวงพ่ออลงกต” มาก
จึงไม่กล้าพูดทั้งที่รู้บางอย่าง รู้สึกตะหงิด แต่ไม่อยากจะเชื่อว่ามันคือเรื่องจริง เช่น เรื่องบัญชีโอนเงินที่เป็นชื่อบุคคล แต่ก็พยายามคิดว่าหลวงพ่อคงให้ลูกศิษย์ไปเอาเงินออกมา
หรือแม้แต่เรื่องที่ “หลวงพ่ออลงกต” ทำแอปฯขายของออนไลน์ แบบครบวงจร จ้างคนมาเขียนแอปฯ หลายล้านบาท มีสินค้าของใจฟ้าและนาถะ
มีตัวแทนจำหน่ายขายของอยู่บ้านและจะได้ส่วนแบ่ง สามารถทำบุญออนไลน์ได้ด้วย แต่มันเหมือนการมาหากำไรต่อ เป็นธุรกิจ
ซึ่งตอนนั้นตนเองคิดว่าหลวงพ่อฯ ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน จึงไม่คิดอะไร และคนที่มาอุดหนุนสินค้าก็เข้าใจว่ารายได้หลังหักค่าใช้จ่ายเข้าวัดพระบาทน้ำพุ
นอกจากนี้ ตนเองยังเคยถามรุ่นพี่ในวัด ว่าวัดพระบาทน้ำพุมีค่าดูแลผู้ป่วย HIV เดือนละเท่าไหร่ ก็ได้รับคำตอบว่าประมาณ 6 ล้านบาทต่อเดือน
และมีรายได้ประมาณ 2 ล้านบาท บางทีก็ไม่ถึง ซึ่ง “หลวงพ่ออลงกต” เป็นหนี้ธนาคารทุกธนาคารด้วย แต่วันหนึ่งเมื่อข่าวออกมา
และตนเองมั่นใจแล้วว่ามันไม่ใช่เรื่องถูกต้อง ตนเองจึงเลือกออกมาปกป้องพระพุทธศาสนา นอกจากนี้ยังมีโครงการแชร์ 9 บาท
ที่ตนเองอยากให้ตรวจสอบ เพราะทางวัดบอกว่าได้เงินจากโครงการมาประมาณ 2 ล้านบาท แต่ตอนนี้ตนเองไม่เชื่อแล้ว
เพราะในเพจหนึ่งเองมีคนมาคอมเมนท์เป็นหมื่น และยอดแชร์เป็นแสน เงินที่ได้น่าจะมากกว่านั้น
ด้านนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคมเปิดเผยว่าขณะนี้พบพฤติการณ์ที่อาจเข้าข่ายความผิดเบื้องต้น 4 ข้อหา
คือความผิดมาตรา 157 เป็นเจ้าพนักงานละเว้นหรือปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ หลังพบพฤติการณ์ให้ข้อมูลเท็จกับเจ้าหน้าที่รัฐเพื่อกรอกในใบสุทธิพระขณะอุปสมบท
ซึ่งไม่ตรงกับบัตรประชาชน และหาก “หลวงพ่ออลงกต” ลงนามในเอกสารใดๆ โดยใช้ข้อมูลของบุคคลอื่นเช่นนี้ก็จะเข้าข่ายใช้เอกสารปลอมด้วย
นอกจากนี้ยังมีเรื่องการนำข้อมูลอาจเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ กรณีนำประวัติปลอมไปเผยแพร่และเปิดรับบริจาค
การบริจาคเงินแล้วนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ ก็อาจเข้าข่ายเรื่องการฉ้อโกงด้วย แม้ทางทนายวัดจะอ้างว่ามูลนิธิไม่เกี่ยวข้องกับวัด
แต่ก็อยากจะถามว่าหากนำชื่อและรูป “หลวงพ่ออลงกต” ออก นำชื่อ “วัดพระบาทน้ำพุ” ออก จะมีใครบริจาคเงินเข้ามูลนิธิให้มากมายขนาดนี้
ประชาชนไม่ได้บริจาคให้มูลนิธิ แต่ต้องการบริจาคให้วัด เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วย HIV แต่วัดเอาไปซื้ออะไร
ส่วนทนายความของวัดไม่ต้องออกมาพูดแล้ว เพราะแม้แต่เลขบัตรประจำตัวประชาชน 13 หลักของลูกความก็ยังไม่ทราบ
ขอบคุณข้อมูล: ช่อง 7