โดยวันนี้ 11 กันยายน พรรคเพื่อไทย ออกแถลงการณ์ เรื่อง แนวทางจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ โดยมีเนื้อหาดังนี้ จากการที่ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัย เมื่อวันที่ 10 ก.ย.2568 เรื่อง อำนาจหน้าที่ของรัฐสภาในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ตามคำร้องของประธานรัฐสภา สืบเนื่องมาจากญัตติของ น.พ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ สมาชิกวุฒิสภา และนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคเพื่อไทย
เนื่องจากคำวินิจฉัยฉบับเต็มและคำวินิจฉัยส่วนตนยังไม่ประกาศเผยแพร่ มีเพียงคำแถลงข่าวของสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อพิจารณาจากคำแถลงยังคงมีประเด็นของ ความชัดเจนแน่นอนที่นำไปสู่การถกเถียงในเนื้อหาบางประเด็น
เช่น คำวินิจฉัยว่า รัฐสภาไม่อาจให้ประชาชนเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญโดยตรง ซึ่งขัดต่อหลักการที่ว่า ประชาชนมีอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญ อีกทั้งมิใช่ประเด็นคำถามในอำนาจหน้าที่ที่รัฐสภาส่งไปโดยตรงแต่อย่างใด
คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญดังกล่าว บางฝ่ายได้วิพากษ์วิจารณ์ว่าเพราะญัตติของพรรคเพื่อไทย เป็นเหตุให้ต้องส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ ทำให้การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ต้องยุ่งยากสลับซับซ้อนขึ้น ประเด็นดังกล่าวต้องย้อนกลับไปเมื่อประธานรัฐสภาตัดสินใจบรรจุระเบียบวาระรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมเพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ของพรรคเพื่อไทย และพรรคประชาชนว่ามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นบ้าง
เห็นได้ชัดเจนว่า การประชุมรัฐสภาไม่อาจเกิดขึ้นได้ ปิดประตูการเสนอญัตติเพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยสิ้นเชิง ในขณะนั้นสมาชิกบางส่วนยังยืนกรานว่ารัฐสภามีอำนาจ ไม่สมควรส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ พรรคเพื่อไทยจึงแสวงหาหนทางในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ว่าจะดำเนินการอย่างไร จนสามารถผลักดันให้รัฐสภามีมติได้
คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญพอจะสรุปสาระสำคัญได้ว่า
1.รัฐสภามีอำนาจริเริ่มหรือแสดงความต้องการเพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้ แต่ต้องให้ประชาชนออกเสียงประชามติให้ความเห็นชอบว่า สมควรมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่เสียก่อน
2.การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะต้องเป็นไปตามบทบัญญัติหมวด 15 การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญของรัฐธรรมนูญด้วย
3.รัฐสภามีอำนาจแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญได้ แต่รัฐสภาไม่อาจให้ประชาชนเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญได้โดยตรง
4.การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ต้องมีการจัดให้มีการออกเสียงประชามติ 3 ครั้ง
ครั้งที่ 1 ให้ประชาชนออกเสียงประชามติว่าสมควรมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่
ครั้งที่ 2 ให้ประชาชนออกเสียงประชามติเกี่ยวกับการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ว่ามีวิธีการและเนื้อหาที่สำคัญอย่างไร
ครั้งที่ 3 ภายหลังรัฐสภาทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เสร็จแล้ว ให้ประชาชน ออกเสียงประชามติว่า เห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ โดยการออกเสียงประชามติครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 อาจรวมเป็นครั้งเดียวกันได้ ผลจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญดังกล่าว พรรคเพื่อไทยเห็นว่า ยังยืนยัน ที่จะเดินหน้าทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ต่อไป และจะดำเนินการดังนี้
1.เนื่องจากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ต้องเป็นไปตามหมวด 15 การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ดังนั้น จะมีการแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติในหมวด 15 เป็นอย่างอื่นมิได้ คงทำได้เพียงเพิ่มหมวด 15/1 การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เท่านั้น โดยให้รัฐสภาพิจารณาเป็น 3 วาระ ต้องนำไปทำประชามติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 (8)
2.การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ไม่อาจกระทำโดย ส.ส.ร.ที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชนได้ แต่อาจจะทำได้โดยเลือก ส.ส.ร.โดยทางอ้อม หรือ รัฐสภามีมติแต่งตั้ง ส.ส.ร.หรือ คณะกรรมาธิการขึ้นมายกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งคณะทำงานของพรรคจะไปไตร่ตรองตัดสินใจในชั้นเสนอญัตติต่อรัฐสภา
3.สำหรับการทำประชามติ เนื่องจากต้องดำเนินการตามหมวด 15 การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญจึงต้องทำประชามติอยู่แล้ว ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 (8) โดยรัฐสภาต้องแจ้งให้คณะรัฐมนตรีดำเนินการตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ
ส่วนการทำประชามติครั้งที่ 1 จะเกิดขึ้นเมื่อใด พร้อมกันกับการทำประชามติครั้งที่ 2 ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 (8) หรือไม่ เป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องพิจารณา เพราะการทำประชามติจะเกิดขึ้นได้ เมื่อรัฐบาลพิจารณาเห็นสมควร หรือเมื่อรัฐสภาร้องขอตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ เช่นกัน
4.สำหรับคำถามประชามติครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 ควรต้องมีคือ
คำถามแรก เห็นชอบว่าสมควรมีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ (ครั้งที่ 1)
คำถามที่ 2 เห็นชอบกับหลักเกณฑ์ วิธีการ และสาระสำคัญเกี่ยวกับการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ตามรายละเอียดในรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมในหมวด 15 หรือไม่ (ครั้งที่ 2)
ขอบคุณข้อมูล: พรรคเพื่อไทย