จากกรณี ฝ่ายกัมพูชาได้รุกล้ำดินแดนเข้าตั้งฐานปฏิบัติการรวมถึงมีชาวกัมพูชาเข้ามาตั้งบ้านเรือนและใช้ประโยชน์ทำการเกษตร บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ในพื้นที่บ้านชำราก ตำบลชำราก อำเภอเมือง จังหวัดตราด จำนวน 3 จุด
โดยทางด้าน พลเรือตรี ปารัช รัตนไชยพันธ์ รองโฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยว่าตามที่มีกระแสข่าวว่า ฝ่ายกัมพูชาได้รุกล้ำดินแดนเข้าตั้งฐานปฏิบัติการ
รวมถึงมีชาวกัมพูชาเข้ามาตั้งบ้านเรือนและ ใช้ประโยชน์ทำการเกษตร บริเวณชายแดนไทย – กัมพูชาในพื้นที่บ้านชำราก ตำบลชำราก อำเภอเมืองจังหวัดตราด จำนวน 3 จุด
โดยระบุว่าแม้จะรู้ว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นอธิปไตยของไทย แต่กลับถูกฝ่ายกัมพูชารุกล้ำเข้ามาครอบครองอยู่นานหลายปี
แต่ไม่มีใครกล้าดำเนินการ รู้เพียงว่าฝ่ายไทยได้แจ้งไปยังฝ่ายกัมพูชาแล้ว แต่ก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขหรือรื้อถอนแต่อย่างใด นั้น
รองโฆษกกองทัพเรือ กล่าวว่าพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในพื้นที่ที่ฝ่ายไทยอ้างสิทธิ์ ตาม MOU43 ซึ่งเมื่อได้ตรวจพบการสร้างสิ่งปลูกสร้างดังกล่าว
ทางกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด (กปช.จต.) ได้ทำการประท้วงยื่นหนังสือประท้วงมาโดยตลอดหลายครั้ง เพื่อให้ทางฝ่ายกัมพูชาออกจากพื้นที่ที่ยังไม่ได้มีการปักปันดังกล่าว
ซึ่งล่าสุดในการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค ไทย -กัมพูชา สมัยวิสามัญ (Regional Border Committee ) หรือ RBC กับทางภูมิภาคทหารที่ 5 ทาง กปช.จต. ได้หยิบยกประเด็นการรุกล้ำดังกล่าวอีกครั้ง
โดยปัจจุบันพื้นที่ในส่วนที่รุกล้ำมานั้น ทาง กปช.จต. ได้ผลักดันให้กำลังของฝ่ายกัมพูชาออกจากพื้นที่รุกล้ำดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว
แต่ทางกัมพูชายังไม่ได้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างหรือกลบคูเรตแต่อย่างใด โดยขณะนี้ทางกองกำลังในพื้นที่ได้มีการเฝ้าติดตามสิ่งที่กัมพูชาได้ตกลงไว้ และเตรียมยกระดับมาตรการขั้นต่อไป หากไม่ได้รับความร่วมมือ
ขอบคุณข้อมูล: กองทัพเรือ Royal Thai Navy