สมชาย แสวงการ ร่ายยาวเตือน รัฐบาลอนุทิน ระวังประวัติศาสตร์ซ้ำรอย

โดยเมื่อวานที่ผ่านมา 18 กันยายน 2568 ทางด้าน สมชาย แสวงการ อดีตสมาชิกวุฒิสภา เคลื่อนไหวผ่านทางเฟซบุ๊ก สมชาย แสวงการ เตือน “รัฐบาลอนุทิน” ระวังประวัติศาสตร์ซ้ำรอย เช็กคุณสมบัติรัฐมนตรีให้ดี อาจถูกร้องได้ภายหลัง ระบุว่า “#ระวัง #ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย #เสียดาย #รัฐบาลอนุทิน

รัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 160 ได้บัญญัติถึงคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของรัฐมนตรีไว้หลายประการ ซึ่งจะต้องมีครบถ้วนทุกข้อตั้งแต่ อนุมาตรา(1)(2)(3)(4)(5)(6)(7)(😎 ขาดคุณสมบัติข้อใดข้อหนึ่ง ย่อมขาดคุณสมบัติรัฐมนตรี

แม้จะมีการวินิจฉัยโดยตีความว่า การถูกจำคุกของศาลต่างประเทศ ไม่ใช่ศาลไทย ความเป็นรัฐมนตรีจึงไม่สิ้นสุดลง ตามมาตรา 160 (7) ก็ตาม การเคยถูกจำคุกในศาลต่างประเทศ ในคดีอาญาต่างๆ“ก่อน” ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี อาจถูกร้องว่าไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ตาม มาตรา 160 (4) หรือ ฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตาม (5) หรือไม่

ซึ่งถ้ามีสส ฝ่ายค้าน1ใน10 เข้าชื่อร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยในประเด็นนี้ เห็นทีจะรอดยากครับ นอกจากนั้น ยังอาจมีอีกส่วนที่พัวพันคดีที่มีผู้ร้องเรียนไปยังคณะกรรมการปปช แม้ยังไม่มีการชี้มูลความผิด แต่หากมีมติให้ตั้งสอบแล้ว จะเป็นมลทินให้ถูกร้องว่า

ผิดตามรัฐธรรมนูญมาตรา160(4)(5)ด้วยหรือไม่ จะเป็นประเด็นปัญหาและน่าห่วงอีกเช่นกัน นับเป็นปัญหาใหญ่ที่ครม หนู1 ที่เป็นรัฐบาลเฉพาะกิจเสียงข้างน้อย อาจต้องเผชิญในอนาคตอันใกล้ หลังจากที่ยืนยันย้ำโผครม ขึ้นทูลเกล้าฯไปแล้ว

ท่ามกลางความเห็นเป็น2ฝ่ายที่แตกต่างกันจากองค์กรตรวจสอบหลัก2องค์กร ที่มีความเห็นไม่สอดคล้องกันถึงคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของว่าที่รมตบางราย จนเป็นช่องว่างให้ สส ฝ่ายค้านเตรียมยกร่างคำร้องต่อศาลรัฐธรรมสูญร้องรอไว้แล้ว

โดยใช้แนวทางคำร้องแบบเดียวกับที่ศาลรัฐธรรมนูญเคยวินิจฉัยให้นายเศรษฐาพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่ผมกับ40สวยื่นให้พ้นตำแหน่งมาแล้ว ส่วนตัวเห็นใจและเช้าใจในความยากลำบากของนายกรัฐมนตรี อนุทิน

ที่ต้องประคองพรรคร่วมรัฐบาลเสียงข้างน้อยที่ถูกกดกันด้วยการขู่ถอนตัวครับ จึงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากเดินฝ่าลุยไฟวัดดวงต่อไป ทั้งที่มีรายชื่อที่น่าจะเป็นปัญหา 3-4ราย ซึ่งจะสร้างความสั่นคลอนให้รัฐบาลเฉพาะกิจเสียงข้างน้อย แทบจะทันทีที่รัฐบาลแถลงนโยบายต่อที่ประชุมสภาเสร็จ

แต่กฎหมายย่อมเป็นกฎหมาย ไม่อาจเลือกปฏิบัติได้ และคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญผูกพันทุกองค์กรรวมถึงผูกพันศาลรัฐธรรมนูญด้วย ดังนั้นการเมืองในหนทางข้างหน้ายังคงเป็นเส้นทางตีบตันอีกเช่นเคย ท่ามกลางภาวะวิกฤติเศรษฐกิจ การเมือง สังคม และข้อพิพาทชายแดนไทยกัมพูชา

คงได้แต่เอาใจช่วยให้กัปตันใหม่ ที่ชื่ออนุทิน นำพารัฐนาวาชื่อประเทศไทยนี้ผ่านพ้นมรสุมนี้ไปให้ได้ แม้จะเห็นชัดเจนว่า ยากเต็มที เพราะฐิทินักการเมืองบางพวก ที่ไม่เห็นแก่ชาติบ้านเมืองโดยส่วนรวมแท้จริง จึงประเทศต้องมาถึงภาวะจุดอับอีกไม่นานนี้ครับ ฝากความเห็นมาด้วยความหวังดี”

ขอบคุณข้อมูล: สมชาย แสวงการ