หนูแหม่ม เผยสาเหตุไม่คิดตามหาพ่อแท้ๆ

เรียกได้ว่าเป็นนักแสดงและพิธีกรที่มากความสามารถอีกหนึ่งคน สำหรับ หนูแหม่ม สุริวิภา ด้วยความที่โลดแล่นอยู่ในวงการบันเทิงมานานหลายปีทำให้เจ้าตัวมีผลงานให้แฟนๆ ได้ติดตามเป็นจำนวนมาก ล่าสุดเจ้าตัวได้ เปิดใจในรายการแฉ

เล่าย้อนจุดเริ่มต้นก้าวเข้ามาทำงานพิธีกร จากบ้านไม่มีทีวีชีวิตในวัยเด็ก ลูกครึ่งหน้าฝรั่ง เรื่องแปลกในยุคนั้นจนถูกบูลลี่ลูกไม่มีพ่อ แม่เป็นผู้หญิงหากิน พร้อมเผยเหตุผลทำไมไม่อยากตามหาพ่อแท้ๆ

โดยหนูแหม่ม เล่าย้อนถึงจุดที่ทำให้อยากทำงานหน้าจอ “บ้านไม่มีทีวี พ่อแม่ไม่ได้มีเงินเหลือเฟือบ้านเรามีลูก 3 คน ส่งลูกเรียนก็แย่แล้ว ตอนนั้นอยู่จังหวัดสกลนครไปบ้านเพื่อนเขามีทีวี เราอยากดูหนังจักรๆ วงศ์ๆ

อยากดูการ์ตูน เพื่อนก็หวงยืนบังไม่ให้ดู ก็พูดว่ามึxคอยดู xจะอยู่ในทีวีให้มึxดู คิดไว้ในใจคอยดูนะ ฉันจะอยู่ในจอ ยังไงก็จะต้องอยู่ในจอให้ได้ มันเหมือนเป็นปมเพราะไม่มีทีวีดู แล้วคิดตลอดว่าชีวิตนี้ฉันต้องอยู่ในจอทีวีให้ได้

มันมีเป้าหมายอยู่ในใจ ตั้งแต่ 7-8 ขวบ อยากเป็นถึงขนาดเขียนจดหมายหา จิ๊ก เนาวรัตน์ เพราะปลื้มเขามาก รักเขามากดูเป็นผู้หญิงที่น่ารักอ่อนหวานอบอุ่น วันหนึ่งแม่ย้ายพวกเรากลับมาอยู่กรุงเทพฯ มาอยู่แฟลตห้วยขวาง เรียนโรงเรียนวัด

ก็เฝ้าคอยอยากเป็นดารา เมื่อไหร่ฉันจะได้อยู่ในทีวี จนวันหนึ่งไฟว์สตาร์ประกาศรับสมัครหนังเรื่อง วัยระเริง พี่หนุ่ย อำพล เล่น อาเปี๊ยก โปสเตอร์ เรียกไปเทสต์หน้ากล้อง จนเราถูกเลือกให้เป็นหนึ่งในหนังเรื่องนั้นเข้าวงการตอนอายุ 16″

เป็นคนหน้าฝรั่งมาตลอด “คือเราหน้าฝรั่ง บ้านนอกอยู่ท่าแร่ ทุกคนหัวดำหมดเลยมีฉันหัวทองอยู่คนเดียว ใครเรียกอะไรก็โกรธก็ขึ้น โดนเรียกลูกผู้หญิงหาตังค์ หน้าฝรั่งเป็นเรื่องใหญ่สำหรับยุคนั้นแม้แต่กำนันยังเรียกว่าxฝรั่งขี้นก

เมื่อก่อนเราไม่รู้ว่าจะยอกย้อนผู้ใหญ่ว่ายังไง ถ้าเป็นตอนนี้จะสวนไปแก่กะโหลกกะลา รู้สึกไม่ชอบเพราะเขามองลูกครึ่งเป็นเรื่องประหลาด ทุกคนจะบูลลี่ว่าฉันเป็นลูกผู้หญิงหาเงินเป็นลูกไม่มีพ่อ พ่อแม่ทิ้งมีขึ้นกะxด้วย

บางทีเด็กๆ มันทนไม่ได้ ลุกขึ้นเอาหัวโขกกับพื้นคุณครูเรียกผู้ปกครองมาเจอ สุริวิภาก้าวร้าวมากนะ แม่ฉันก็ไปเลย ก้าวร้าวเรื่องอะไรคะ เราก็เล่าว่าเขาว่าไม่มีพ่อ แม่เป็นกะx แม่บอกก็ดีแล้วฉันจะตบกับแม่xเด็กคนนี้ด้วย

แม่ฉันเป็นนักสู้ แม่เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวมาตลอด ถามว่าเอาชนะอุปสรรคตอนนั้นได้ยังไง เราไม่รู้หรอกว่ามันคืออุปสรรค พ่อมาเสียตอนโต ก็อยู่กับพ่อบ้างกับแม่บ้างยังไปมาหาสู่กัน พ่อแม่แยกทางกันมาแยกตอนโตแล้ว

จริงๆ เราเป็นลูกครึ่ง แล้วไม่รู้ว่าพ่อเป็นใคร ไม่เคยเล่าให้ใครฟังไม่กล้าเล่าไม่ได้มีอะไรเป็นความลับ แค่รู้สึกว่าถ้าเล่า ถ้าเกิดพ่อจะมาหาฉัน ตายแล้วฉันเป็นลูกที่เลวมาก ทำตัวไม่ถูกป่านนี้คงตายไปแล้ว ไม่เคยเจอพ่อแท้ๆ เลยและไม่เคยคิดจะตามหาเลย

อย่างเคสของมอริส เค กับเราคนละแบบ เพราะแม่และคนที่ดูแลเราไม่เคยทำให้รู้สึกขาดอะไรในชีวิตเลย เพราะฉะนั้นไม่ได้รู้สึกว่าพ่อเป็นใคร ไม่ได้รู้สึกโหยหาและต้องการเลย เพราะว่าเรามีความรักในครอบครัวหลังนี้ มันล้นจนไม่ต้องไปกระเสือกกระสนอะไรอีก”

ขอบคุณข้อมูล:แฉ