เรียกว่าเป็นประเด็นที่สังคมต่างออกมาวิจารณ์กันสนั่นโซเชียล หลังจากที่มีภาพหลุดครูบาไก่ ซึ่งต่อมาครูบาไก่ยังยอมรับว่าภาพบนเตียง-เล่นน้ำตก-เจ็ตสกีคือตัวเอง แต่ภาพลับไม่ใช่ตัวเอง ในส่วนคดีมอบหมายทุกอย่างให้ทนายดำเนินการ ย้ำชัดถูกกลุ่มไม่หวังดีกุภาพสร้างความเข้าใจผิด
ล่าสุด แพรรี่ ไพรวัลย์ วรรณบุตร ได้ออกมาเคลื่อนไหวถึงประเด็นนี้ว่า “สำหรับดิฉัน ปัญหาเรื่องครูบาไก่ ไม่ได้อยู่ที่ว่าท่านจะไปนอนแช่น้ำตกที่ไหน ขี่เจ็ทสกีซ้อนท้ายหนุ่มหล่อยังไง ดิฉันไม่สนใจค่ะ
ต่อให้เห็นภาพเหล่านี้แล้วจะรู้สึกว่า สิ่งที่ท่านทำอยู่นั้น เป็นเรื่องเสียอาจาระ และไม่ควรแก่สมณสารูปแค่ไหนก็ตาม
ดิฉันจะไม่สนใจเลยนะคะ ถ้าครูบาไก่ ไม่ใช่พระที่ถูกยกย่องให้เป็นพระโพธิสัตว์ เป็นเกจิอาจารย์ มีหูทิพย์ตาทิพย์ (หนักเข้าถึงกับบางคนบอกว่าเป็นพระอรหัน)
ให้เป็นพระที่มีสตอรี่หรือเรื่องเล่าในทางวัตรปฎิบัติมากมายไปหมดดิฉันจะไม่สนใจค่ะ ถ้าครูบาไก่ เป็นเพียงพระหนุ่มทั่วๆ ไปรูปหนึ่ง
พระซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมา ไม่ได้พยายามด้วยตนเอง (หรือมีคนอื่นพยายาม) ทำให้ชาวพุทธบางส่วนเข้าใจว่า ท่านมีคุณวิเศษ ท่านมีวัตรปฎิบัติที่ดี
เป็นพระซึ่งควรแก่การที่ฆราวาสจะกราบไหว้บูชาได้อย่างสนิทใจปัญหาของดิฉัน หรืออาจของใครหลายคนในตอนนี้ด้วย อยู่ที่ว่า ตกลงแล้ว
ภาพลักษณ์ที่ครูบาไก่สร้างขึ้นเพื่อต้องการให้ชาวบ้านเข้าใจ กับภาพลับที่มีคนขุดออกมาแฉ เป็นภาพเดียวกันหรือเปล่า
ครูบาไก่เบื้องหน้า กับครูบาไก่เบื้องหลัง สะอาดบริสุทธิ์เหมือนกันหรือไม่ นี่คือสิ่งที่ดิฉันสนใจและตั้งคำถามค่ะ
นักบวชบางพวกประพฤติพรหมจรรย์ เพื่อความเจริญงอกงามแห่งไตรสิกขา แต่นักบวชบางพวกแสร้งประพฤติพรหมจรรย์เพื่อหวังลาภสักการะ เลี้ยงปากท้อง
พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ ครูบาไก่ เป็นนักบวชอย่างไหนเจ้าคะ ดิฉันอยากถามในสังคมพุทธ ที่คนพุทธจำนวนไม่น้อย กระสันเสี่ยนอยากกราบไหว้พระอรหันต์
อยากทำบุญบูชากับพระที่มีอะไรมากกว่าวัตรปฎิบัติที่เรียบง่ายงดงาม เราก็คงจะเห็นพระแบบครูบาไก่อยู่เรื่อยๆ พระที่เบื้องหน้าแสร้งสงบเสงี่ยมชวนให้ศรัทธา
แต่เบื้องหลังกลับไม่เคยปฎิบัติเพื่อการละตัณหาหรือกามคุณจริงๆ พระที่สวมแค่เครื่องแบบจีวร
แต่ความจริงกลับรักษาศีลได้เท่าฆราวาส ก็คงจะมีให้เห็นอยู่เรื่อยๆ นะคะ ตราบใดที่สังคมพุทธ ยังคงมองพระว่า ใส่จีวร = ศักดิ์สิทธิ์ จบ”
ขอบคุณข้อมูล:ไพรวัลย์ วรรณบุตร