ข่าวทั่วไป
ลูกสาวยายตกปลา แจงปมเงิน 6 แสน
เชื่อว่าใครยังคงจำเหตุการณ์ของสองยายตกปลาคูน้ำข้างถนนเพื่อประทังชีวิตได้เป็นอย่างดี ซึ่งมีการเปิดรับบริจาคมีคนโอนเงินมาช่วยเหลือราว 590,000 บาท หลังจากเวลาผ่านไปชีวิตของสองยายกลับแย่ลงกว่าเดิม
ลูกสาวมารับไปอยู่ด้วย 3 เดือน เงินยายหมด ลูกสาวไล่ให้กลับมาอยู่ห้องแถวเช่นเดิมโดยไม่ใยดี โดยนางสาลี่ นวลจันทร์ อายุ 78 ปี เปิดเผยว่าเมื่อประมาณปลายปีที่ผ่านมา นางสาวบุญบิ่งอายุ 55 ปี เป็นบุตรสาวของตนหลังทราบข่าวก็อาสามารับไปอยู่ด้วย
แต่จะขอเงินไปต่อเติมบ้านก่อนเป็นจำนวน 170,000 บาท เมื่อต่อเติมเสร็จประมาณเดือนะฟฤศจิกายน ลูกสาวก็มารับตนรวมถึงนางมณี แก้วอุไร อายุ 85 ปี และนายบุญหลง แก้วอุไร อายุ 41 ปี ไปอยู่ด้วย แต่ระหว่างที่อยู่ด้วยนั้น ลูกสาวได้พาตนไปธนาคารเพื่อทำบัตรเอทีเอ็ม และยึดบัตรเอทีเอ็มของตนไป
โดยที่จนไม่รู้เลยว่าลูกสาวนำเงินที่รับบริจาคมาใช้ทะอะไรบ้างหรือเปล่า หากตนจะใช้เงินต้องขอผ่านลูกสาวอย่างเดียว บางครั้งทะเลาะกันลูกสาวถึงขั้นทำร้ายผลักตนจนหงายท้องศีรษะกระแทกพื้น จับตนหมุนกับพื้นจนเวียนหัว อาเจียน ซึ่งตนอึดอัดมาก จนเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
ตนจึงนำสมุดบัญชีไปอายัดบัตรเอทีเอ็มและตรวจสอบยอดพบว่าเงินเหลือ 19, 953 บาท จนลูกสาวรู้ว่าตนอายัดบัตรเอทีเอ็มก็มีปากเสียงกันอีก ซึ่งลูกสาวได้พูดจาด่าทอตนไล่ให้ไปตายบ้าง ไล่ให้กับมาอยู่ห้องเช่าบ้าง แถมพูดตัดแม่ลูกกันไปเลย ตนน้อยใจมาก จนวันที่ 19 กุมภาพันธ์ จึงตัดสินใจให้เพื่อบ้านช่วยขนของกลับมาอยู่ห้องเช่าที่เดิม
ล่าสุด ทางด้านนางสาวบุญยิ่ง บุตรสาวเปิดเผยว่า เรื่องที่นางสาลี่พูดนั้นไม่เป็นความจริง ตนได้นำเงินจำนวนเกือบ 200,000 บาท มาต่อเติมบ้านจริง แต่จำนวนเงินที่เหลือกว่า 400,000 บาทนั้นตนได้นำมาใช้จ่ายภายในบ้าน
ทั้งค่าอาหาร ค่ายา ค่าเดินทางไปหาหมอและอื่นๆ อีกมากมาย ส่วนเรื่องผลักแม่จนล้มนั้น เป็นเพียงการแย่งโทรศีพท์กันเท่านั้น เพราะทุกครั้งที่ทะเลากันนางสาลี่ชอบโทรศัพท์ไปฟ้องคนอื่นและตนก็ไม่ได้เป็นคนไล่แม่แต่แม่ย้ายออกไปเอง
