กทม.สรุปตัวเลขล่าสุด ผู้ประสบเหตุตึกสตง.ถล่ม

เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่สร้างความเศร้าสลดใจให้กับสังคมเป็นอย่างมาก สำหรับเหตุการณ์อาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่มลงอย่างรุนแรงเมื่อช่วงปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา หลังเกิดแผ่นดินไหว ส่งผลให้มีผู้สูญหายและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก

โดยวันนี้ 11.00 น. ที่กองอำนวยการร่วมวันที่ 4 พฤษภาคม ที่กองอำนวยการร่วมสน.บางซื่อ มีการประชุมความคืบหน้าร่วมกันสรุปตัวเลขผู้ประสบภัยเหตุอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.)เเห่งใหม่ถล่ม ผู้เสียชีวิตและผู้สูญหาย

โดยมี รศ.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายสุริยชัย รวิวรรณ ผอ.สปภ.กทม. พ.ต.อ.หญิงวันเพ็ญ ด้วงปั้น ผกก. กลุ่มงานพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล กองพิสูจน์หลักฐานสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ต.อ.สนอง แสงมณี ผกก.สน.บางซื่อ เข้าร่วมประชุม

ต่อมา12.00 น. รศ.ทวิดา เปิดเผยว่า ตามที่ได้มีญาติผู้ประสบเหตุแจ้งความตามหาเป็นบุคคลสูญหาย ไว้ที่สน.บางซื่อ ผู้ประสบเหตุทั้งหมด 103 ราย

ล่าสุด มีญาติของผู้สูญหายมาแจ้งเพิ่มเติมอีกจำนวนหนึ่ง ทำให้ตัวเลขของผู้ประสบเหตุและตัวเลขของผู้สูญหายที่อยู่ระหว่างการติดตามเพิ่มขึ้น ซึ่งพนักงานสอบสวนสน.บางซื่อ และ กองพิสูจน์หลักฐานตำรวจ ได้สอบสวนยืนยันแล้ว

จำนวน 6 ราย กองอำนวยการร่วมจึง ขอทำการปรับเปลี่ยนพร้อมประกาศผ่านสื่อมวลชน เพื่อให้เข้าใจตรงกัน ว่า  ณ วันที่ 4 พฤษภาคม จำนวนผู้ประสบเหตุ 109 ราย ผู้เสียชีวิต 86 ราย ผู้บาดเจ็บ คงที่ 9 ราย อยู่ระหว่างการติดตามอีก 14 ราย

รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ยืนยันว่า เมื่อมีการปรับยอดทีมค้นหาก็จะดำเนินการเปิดพื้นที่ซากอาคาร สตง.ให้หมด เพื่อค้นหาร่างและชิ้นส่วนอวัยวะที่ยังติดค้างไม่ให้มีตกหล่น เนื่องจากยังมีชิ้นส่วนอวัยวะที่รอตรวจพิสูจน์อีก 280 ชิ้น คาดว่าทุกอย่างจะเสร็จสิ้นภายในเดือนนี้

ด้าน พ.ต.อ.หญิงวันเพ็ญ กล่าว ส่วนการพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลขณะนี้ มีการ เก็บตัวอย่างดีเอ็นเอจากญาติสายตรงไว้จำนวน 100 ราย เพื่อเตรียมนำมาเปรียบเทียบกับศพ ของผู้เสียชีวิตและผู้สูญหายที่อยู่ระหว่างการติดตาม

โดยสถาบันนิติเวชสามารถตรวจพิสูจน์ยืนยัน เป็นผู้เสียชีวิตแล้ว 86 ราย ในจำนวนนี้เป็นร่างผู้เสียชีวิตสมบูรณ์ 78 ราย และเป็นชิ้นส่วนที่มีการตรวจพิสูจน์แล้วตรงกัน 8 ราย

และในจำนวนผู้เสียชีวิตทั้งหมด สามารถพิสูจน์ยืนยันตัวบุคคลว่าเป็นใคร จำนวน 63 ราย แยกเป็นสัญชาติไทย 46 ราย เมียนมา 15 ราย กัมพูชา 1 ราย ลาว 1 ราย