เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. 68 ที่ผ่านมา ทิม พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Pita Limjaroenrat – พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ปมพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา
โดยได้แชร์คำพูดของ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.การต่างประเทศ กล่าวในบริบทของสถานการณ์โลก ที่ไทยเผชิญกับกำแพงภาษีและความขัดแย้งของชาติมหาอำนาจ
ระบุว่า ในโลกที่ “ไร้หลัก” ประเทศที่ไม่ใช่มหาอำนาจ ยิ่งต้อง “ยึดหลัก”ให้มั่น โพสต์สุดท้ายก่อนตัดเน็ตตัวเองครับ 🙂 ช่วงที่ผ่านมา ผมนั่งเฝ้าติดตามสถานการณ์ความตึงเครียดที่ชายแดนไทย–กัมพูชา
และได้แลกเปลี่ยนกับผู้เชี่ยวชาญด้านการทูตในอาเซียนหลายคน เพื่อมองหา”ทางลง“ หรือ “de-escalation steps” หรือ ”End game“ ชั่วคราว ที่จะช่วยให้ทั้งสองฝ่ายลดความขัดแย้งลงอย่างสันติ และไม่เสียหน้า
แล้วสบเห็นว่า ASEAN Regional Forum (ARF) ที่จะมีประชุมอีกครั้งในอีกประมาณหนึ่งเดือน (July) ที่มาเลเซีย จึงคิดว่าน่าจะเป็นเวทีที่ถูกใช้ให้เป็นประโยชน์ให้เต็มที่
เพราะ ARF เวทีความมั่นคงระดับภูมิภาคที่ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 1994 ถูกออกแบบมาเพื่อ “การทูตเชิงป้องกัน” เป็นพื้นที่ให้ประเทศในภูมิภาคได้เปิดใจพูดคุย
ก่อนที่ความขัดแย้งจะลุกลาม โดยเฉพาะ และเวทีนี้ตั้งอยู่บนรากฐานของ Treaty of Amity and Cooperation (TAC) – Amity แปลว่า ไมตรีจิต คือ สนธิสัญญาของอาเซียนที่เน้นห้ามใช้กำลัง
และยืนยันให้แก้ปัญหาด้วยสันติวิธีในภูมิภาคนี้ ยิ่งผมได้ย้อนหลังไปดูว่าประเทศกัมพูชามีประชุมหรือมีถ้อยแถลงอะไรบ้างยิ่งน่าจะเตือนใจทั้งสองฝ่ายได้ดีเลย
แน่นอนว่า หลายคนอาจตั้งคำถามถึงประสิทธิภาพของอาเซียน แต่ในครั้งนี้ ผมเชื่อว่านี่คือหลักการที่ชอบธรรม เป็นสากล และควรถูกหยิบใช้
โดยเฉพาะกับรัฐบาลของทั้งสองประเทศ ส่วนตัวยังไม่อยากเชื่อว่ารัฐมนตรีต่างประเทศของไทยจะพูดแบบนี้ 1 เดือนก่อนการประชุม ARF
ยิ่งเทียบว่ากัมพูชามี International narrative ไปทาง ICJ เราก็ควรมี International narrative ของเราที่มีความชอบธรรมสากลเท่ากันหรือมากกว่า ครับ
ขอบคุณข้อมูล : Pita Limjaroenrat – พิธา ลิ้มเจริญรัตน์