ยังคงเป็นประเด็นที่สังคมจับตามอง โดยวันนี้ที่ ศาลทหารมีคำพิพากษาเด็ดขาดในคดีการเสียชีวิตของ “น้องเมย” นายภคพงศ์ ตัญกาญจน์ อดีตนักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 ซึ่งเสียชีวิตหลังถูกธำรงวินัยโดยรุ่นพี่ทหารในปี 2560
โดยศาลได้อ่านคำพิพากษาที่มณฑลทหารบกที่ 12 (ค่ายจักรพงษ์) ยืนตามศาลอุทธรณ์ ลงโทษจำคุกจำเลย 4 เดือน 16 วัน ปรับ 15,000 บาท โทษจำคุกให้รอลงอาญาไว้ 2 ปี
โดยทางด้านของพี่สาวเมย ได้ออกมาโพสต์บันทึกจากพี่สาวถึงน้องชาย” แต่ละบรรทัดอ่านแล้วบีบในหัวใจ “บันทึกจากพี่สาวถึงน้องชาย วันนี้ได้มีการออกนั่งอ่านฎีกา ณ ศาล มบท12 คดีทำร้ายร่างกาย น.ต.ท. ภคพงศ์ ตัญกาญจน์
ส่วนที่ 1 ศาลสูงยื่นตามศาลอุทธรณ์ว่าจำเลยมีความผิดจริงตามฟ้องโจทก์ แต่ให้รอการจำคุกไว้ เนื่องด้วยเป็นการกระทำความผิดครั้งแรก ประเด็นต่อมาคือลงในฐานความผิดอาญาลหุโทษ ทำให้จำเลยยังคงรับราชการเป็นตำรวจได้ต่อไปโดยที่ไม่ต้องออกจากราชการ แต่คนตายนั้นไม่มีสิทธิแม้แต่ได้ดำรงชีวิตของตัวเองด้วยซ้ำ
ส่วนที่ 2 น.ต.ท.ภคพงศ์ นายต้องปราศจากความผิดทั้งหมด รวมถึงข้อครหาว่าเพราะนาย “โกหก” จึงต้องไปโดนธำรงวินัย เอกสารที่แนบมานี้ ไม่ได้ถูกส่งประกอบเข้าไปในการฟ้องร้องเพราะขอเอกสารจากต้นสังกัดเข้ามาในสำนวลไม่ทัน
แต่ดิฉันอยากเอาออกมาเปิดเผยให้ทุกคนได้รับทราบโดยทั่วกันว่าเรื่องทั้งหมดที่เด็กชายคนนึงต้องรับมันไว้เกิดมากจากจุดใด อยากให้ทุกคนได้อ่านมันไปพร้อมๆกันและสรุปเรื่องราวนี้ในใจของท่านเองว่าคิดเห็นอย่างไร
-เอกสารฉบับที่ 1 เป็นคำให้การของนักเรียนบังคับบัญชาที่พาน้องเมยเดินลงมาด้วยกัน และมีการอนุญาตให้ใช้บันไดเจ้าปัญหาแล้ว
-เอกสารฉบับที่ 2 เป็นคำให้การของจำเลย ซึ่งเป็นนักเรียนบังคับบัญชาเช่นกัน
โปรดตั้งใจอ่านแล้วจะเห็นจุดขัดแย้ง
ส่วนที่ 3 ความรู้สึกของพวกเราสามคน ในฐาน พ่อ แม่ และพี่สาว ของเด็กชายคนนึง เราทั้งสามคนต้องนั่งฟังคำให้การวนเวียนไปซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพราะว่าน้องเมยโกหกถึงได้รับผลเช่นนี้ ทุกปากที่มาขึ้นศาลหรือให้การกับตำรวจล้วนแล้วแต่ปรักปำให้เด็กชายเป็นคนผิด ไม่ใช่แค่จากนักเรียนด้วยกัน
แต่จากปากผู้ปกครองของเด็กอื่นๆก็ด้วย “ไอ้ขี้โกหก” ทำให้ทุกคนต้องมาเสียชื่อเสียง โรงเรียนได้รับผลกระทบ ทำไมครอบครัวไม่ยอมทำใจยอมรับมันซะละเพราะลูกแกนะมันเป็น “ไอ้ขี้โกหก” วันนี้คุณทุกคนลองอ่านทุกตัวหนังสือเสียใหม่นะว่าเรื่องต่างๆ เกิดขึ้นยังไง แล้วใครกันที่โกหก
ส่วนที่ 4 ถึงผู้ปกครองส่วนมากก็ดีแต่ก็มีอีกส่วนที่รักโรงเรียนเสียยิ่งกว่าอะไรจนจับต้องไม่ได้ ฟังนะสิ่งที่ทำไปทั้งหมด มันจะไปกระทบกองทัพ โรงเรียน หรือ ปฏิรูปการเกณฑ์ทหาร มันก็ถูกต้องแล้วที่หน่วยงานพวกนี้จะถูกตรวจสอบจากหน่วยงานภายนอกอย่างโปร่งใส
ถ้าให้ตรวจสอบกันเองพวกคุณก็ให้การเข้าข้างกันแบบนี้แหละ เป็นนักเรียนยังขนาดนี้เติบใหญ่จะเป็นขนาดไหน… อย่างน้องเด็กชายที่ตายไปได้สร้างแรงกระเพื่อมทิ้งไว้ ทำให้ระบบอะไรๆมันดีขึ้นกว่าที่ผ่านมา ก็มองข้อดีในตรงนี้กันบ้าง เพราะฉันรู้ว่ามันจริง
ส่วนที่ 5 วันนี้เดินทางมาสุดสายปลายทางของคดีแรกแล้ว พวกเราทำสำเร็จแล้วนะเมย แต่ถึงมันจะไม่ได้รู้สึกว่ายุติธรรมมากพอแต่มันก็สำเร็จแล้ว ฉันล้างมลทินทุกอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้นายแล้ว ขอบคุณพ่อกับแม่ที่หัวใจแหลกสลายแค่ไหนแต่ก็แข็งแกร่งมากพอที่จะอยู่และทนรับความเจ็บปวดนี้ไว้ สุดท้ายนี้ ฉันอยากให้มีการเปลี่ยนแปลงระบบการพิจารณาความ
-อะไรที่เป็นอาญาทหารก็ให้ไปขึ้นศาลทหาร
-เหตุอะไรที่เกิดในกฎหมายอื่นก็อยากให้ไปขึ้นศาลพลเรือน เพราะการพิจารณาคดีมันแตกต่างกันจริงๆ
โกหกใครโกหกได้แต่ใจเราโกหกตัวเองไม่ได้ เพราะฉันยืนตามความจริงมาตลอดฉันถึงแข็งแกร่ง ฉันถึงพูดออกมาโดยไม่เกรงกลัวใดๆ ด้วยรัก ปล วันนี้ทุกคนอ่านหนังสือเกิด 8 บรรทัดแล้วน้า ดีใจด้วย”
ขอบคุณข้อมูล: Supicha M Tanyakan