โฉมหน้าผู้ใหญ่ใจดี มอบเงิน 1.2 ล้าน ให้ 3 ทหารเหยียบกับระเบิด

ประชาชนคนไทยส่งกำลังใจให้อย่างล้นหลามเลยทีเดียวค่ะ สำหรับ 3 พลทหารที่ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิด ขณะออกลาดตระเวนไปยังเนิน 481 จากการปฏิบัติภารกิจเพื่อปกป้องอธิปไตย ซึ่งหลังจากมีข่าวออกไปหลายคนก็ส่งกำลังใจพร้อมมอบเงินสนับสนุนให้กับทหารทั้ง 3 นายอย่างล้นหลาม

ล่าสุด บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF นำโดย นายสิตมน รัตนาวะดี ผู้ช่วยรองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ได้มอบเงินช่วยเหลือให้แก่ทหารที่ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดในขณะปฏิบัติภารกิจออกลาดตระเวนเพื่อปกป้องอธิปไตยพื้นที่ช่องบก ชายแดนไทย-กัมพูชา จ.อุบลราชธานี จำนวน 3 ราย

ประกอบด้วย พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน ที่ได้รับบาดเจ็บและสูญเสียขา รวมถึง ส.อ.ปฏิพัทธิ์ ศรีลาศักดิ์ และ พลทหารณัฐวุฒิ ศรีเข้ม ที่ได้รับบาดเจ็บ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1.2 ล้านบาท เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้เหล่าทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความกล้าหาญ และเสียสละต่อประเทศชาติ

โดยมี พลตรี อัครพนธ์ มูลประดับ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 22 และ พันเอกสละ ทัพถาวร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ ให้การต้อนรับ ณ โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี

นายสิตมน รัตนาวะดี ผู้ช่วยรองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าจากการติดตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรู้สึกเห็นใจเหล่าพี่ๆ ทหารแนวหน้าเป็นอย่างมาก เพราะหลายท่านเป็นหัวหน้าครอบครัว และมีคนที่รักรออยู่ข้างหลัง

ทั้งนี้ในฐานะคนไทยด้วยกัน ผมรู้สึกอยากมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือคนละไม้คนละมือ แม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม

นอกจากนี้ ในระหว่างการมาเยี่ยมครั้งนี้ ยังได้รับทราบว่าโรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี ยังคงขาดแคลนเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็นต่อการปฏิบัติงาน

เนื่องจากโรงพยาบาลต้องเตรียมความพร้อมตลอดเวลา เพื่อรองรับกำลังพลที่ได้รับบาดเจ็บ หรือจากสถานการณ์ตามแนวชายแดนที่เกิดขึ้น

ที่ผ่านมา “ไทยคม” และ “AIS” บริษัทในกลุ่มของ GULF ยังได้ร่วมสนับสนุนภารกิจป้องกันชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อช่วยเสริมความมั่นคงการสื่อสารในพื้นที่ปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่รัฐในพื้นที่ห่างไกล ด้วยการให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงผ่านระบบดาวเทียมของไทยคม สำหรับศูนย์ปฏิบัติการตามแนวชายแดน

และสำหรับหน่วยปฏิบัติการเคลื่อนที่ และได้ขยายสัญญาณ 4G/5G เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการสื่อสารให้กับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ชายแดน เป็นการเสริมประสิทธิภาพในการประสานงานและติดตามสถานการณ์แบบเรียลไทม์อีกด้วย