เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ระหว่างการแถลงข่าวผลสำเร็จในการบรรลุข้อตกลงหยุดยิง หลังการเจรจาที่ประเทศมาเลเซีย สมเด็จฯฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา กล่าวว่า การประชุมในวันนี้ดำเนินไปได้อย่างราบรื่นและมีผลลัพธ์ที่ดีในการยุติการสู้รบที่ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต ผู้ได้รับบาดเจ็บและผู้พลัดถิ่นกว่า 300,000 คน
เป็นฝ่ายกัมพูชา 140,000 คน และฝ่ายไทย 160,000 คน กัมพูชาหวังว่าแนวทางที่นายกรัฐมนตรีอันวาร์ประกาศไปจะช่วยส่งเสริมการเจรจาทวิภาคี
ระหว่างไทยและกัมพูชาเพื่อปรับความสัมพันธ์ให้เป็นปกติ และเป็นรากฐานของการลดระดับความรุนแรงระหว่างกองทัพ
ขอขอบคุณนายกรัฐมนตรีอันวาร์ที่เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมที่จำเป็นและเร่งด่วน ตลอดจนความพยายามในการเป็นผู้ไกล่เกลี่ยในการบรรลุการหยุดยิงระหว่างไทยและกัมพูชา
ด้าน นายภูมิธรรม กล่าวขอขอบคุณนายกรัฐมนตรีอันวาร์ รัฐบาลจีนและประธานาธิบดีทรัมป์ ที่ได้แสดงความปรารถนาดีและความห่วงกังวล
การหารือสะท้อนความต้องการของไทยที่ต้องการหาทางออกอย่างสันติ ในขณะเดียวกันก็รักษาซึ่งอธิปไตยและชีวิตของประชาชน
ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงที่จะหยุดยิงโดยมีมาตรการเพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าความตกลงการหยุดยิงดังกล่าวจะดำเนินไปได้อย่างลุล่วงโดยความสุจริตใจจากทั้งสองฝ่าย
ซึ่งทางด้าน ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ยังได้ออกมาโพสต์ถึงภาพนี้ว่า “ภาพนี้ดูเรียบร้อยแต่เบื้องหลังคือเปลวไฟที่ปลายปืน
พลเรือน–ทหาร–ครอบครัว–เด็ก–คนชราทุกชีวิตในแนวชายแดน คือตัวประกันทางยุทธศาสตร์ ในสงครามที่ออกแบบมา “เพื่อภาพลักษณ์”🇰🇭
สิ่งที่ ฮุนมาเนต ได้ คือเวที สิ่งที่ ฮุนเซน มอบให้ลูกชาย คือ “เกมกลการทูต” ผ่านเขม่าควันชายแดนและสิ่งที่ กัมพูชาเสียไปจริงๆ คือ “ลูกหลาน”
ที่เป็นแค่ เบี้ยหมากในกระดานของผู้นำ ขอถามดังๆ จากฝั่งประชาชนว่า: เรากำลังเดินเข้าสู่สันติภาพจริง หรือแค่พักเบรกเพื่อรอสร้าง “ภาพจำ” ใหม่ให้กับผู้นำรุ่นใหม่?
🌏 ไทย–กัมพูชา–มาเลเซีย ยืนเรียงกันสวยบนพรมแดง แต่เงาเลือดที่ตกบนหญ้าริมชายแดน ยังไม่ได้รับคำขอโทษ…
และยังไม่มีคำว่า “รับผิดชอบ”#สงครามที่ไม่มีคนชนะ#สันติภาพที่มาพร้อมศพ#ฮุนมาเนต #ฮุนเซน#ชายแดนไทยกัมพูชา#การทูตสร้างภาพหรือสันติภาพจริง
ขอบคุณข้อมูล: รณณรงค์ แก้วเพ็ชร์