เมื่อวันที่ 31 ก.ค. ที่ผ่านมา สำนักข่าวรอยเตอร์เขียนรายงานพาดหัวว่า “Cambodia’s Hun Sen at the helm in border conflict with Thailand” (ฮุน เซน ผู้นำความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชา) รายงานดังกล่าวระบุว่า แม้ว่า ฮุน เซน ไม่ได้เป็นผู้นำกัมพูชาอีกต่อไปแล้ว
เพราะส่งไม้ต่อให้กับฮุน มาเนต ลูกชายคนโต ในปี 2023 หลังจากครองอำนาจมานานเกือบสี่ทศวรรษ แต่ฮุน เซน มี บทบาทสำคัญ
ในเหตุการณ์ที่นำไปสู่การสู้รบที่นองเลือดที่สุดระหว่างไทยและกัมพูชาในรอบกว่าทศวรรษในวันที่ 24 ก.ค. ที่ผ่านมา รอยเตอร์ยังอ้างแหล่งข่าวทางการทูต 3 ราย
ระบุว่า ฮุน เซน ยังคงมีอิทธิพลอย่างต่อเนื่องตลอดความขัดแย้งที่กินเวลานาน 5 วัน รอยเตอร์ระบุว่า เมื่อวันที่ 25 ก.ค. หลังจากปืนใหญ่ที่ยิงมาจากกัมพูชา
ตกในพื้นที่พลเรือนในจังหวัดชายแดนของไทย จากหลักฐานที่มีอยู่ เชื่อกันว่า รัฐบาลกัมพูชา นำโดยสมเด็จฯ ฮุน เซน อยู่เบื้องหลังการโจมตีที่น่าสยดสยองเหล่านี้
เพราะภายในไม่กี่ชั่วโมงหลังเกิดการปะทะกัน ฮุน เซน ได้แชร์โพสต์ต่างๆ มากมายบนเฟซบุ๊ก ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่เขาชื่นชอบ
เพื่อรวบรวมผู้คนของเขาและวิพากษ์วิจารณ์ประเทศไทย เช่นเดียวกับภาพการประชุมทางวิดีโอกับผู้คนนับสิบคน รวมถึงทหารหลายนาย
ในอีกโพสต์หนึ่ง ฮุน เซน แชร์ภาพถ่ายของเขาในชุดทหาร นักการทูตประจำกัมพูชากล่าวกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า สิ่งที่เขารู้สึกเกี่ยวกับเหตุปะทะชายแดน
คือขอบเขตที่ ฮุน เซน ใช้สร้างภาพลักษณ์ของตัวเองต่อการรรับผิดชอบ ไม่ว่าจะเป็นการสวมเครื่องแบบ การถูกมองว่าเป็นผู้สั่งการการเคลื่อนไหวของกองกำลัง
การเข้าแทรกแซงผ่านทางเฟซบุ๊ก เช่นเดียวกับ ลิม เมงกูร์ เจ้าหน้าที่รัฐบาลกัมพูชาซึ่งทำงานด้านนโยบายต่างประเทศ กล่าวว่า ฮุนเซนทำหน้าที่เป็นผู้บัญชาการด้านการส่งกำลังบำรุงหลักให้กับกองกำลังแนวหน้า
ขอบคุณข้อมูล: Reuters