เวลา 08.30 น. วันที่ 1 สิงหาคม 2568 ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน. 6) ดอนเมือง พล.ท.อานุภาพ ศิริมณฑล รองเสนาธิการทหารบก-พล.อ.ท.ณรัฐ บุญประเสริฐ เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารอากาศ(จก.กร.ทอ.)-นายรัศม์ ชาลีจันทร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ-พล.ต.นฤดล สุขมา เจ้ากรมจเรทหารบก
ในฐานะผู้ตรวจสอบข้อเท็จจริง พล.ต.ประเสริฐ หมวดเชียงคะ ผู้อำนวยการสำนักวิเทศสัมพันธ์นำ เอกอัครราชทูต / อุปทูต จาก 11 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐฯ จีน บรูไน
ญี่ปุ่น เมียนมา มาเลเซีย ลาว อินโดนีเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม และฟิลิปปินส์ ผู้ช่วยทูตทหาร 23 ประเทศ รวม 26 นาย อาทิ จีน มาเลเซีย ปากีสถาน เกาหลีใต้ รัสเซีย
เยอรมนี อินเดีย แคนาดา ฝรั่งเศส สหรัฐฯ ฟิลิปปินส์ ญี่ปุ่น เวียดนาม อิตาลี เนเธอร์แลนด์ อินโดนีเซีย สวีเดน สวิตเซอร์แลนด์ บรูไน ตุรเคีย และสหราชอาณาจักร
พร้อมด้วย ผู้แทนจากสถานเอกอัครราชทูตอีก 2 ประเทศ ได้แก่ สวีเดน และสวิตเซอร์แลนด์ และ สื่อมวลชนไทย–ต่างประเทศ รวม 57 คน จาก 27 สำนักข่าว รวมผู้ร่วมภารกิจทั้งหมดกว่า 105 คน
ลงพื้นที่ จังหวัดศรีสะเกษและสุรินทร์ เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชาที่ทวีความรุนแรง
◼️ จุดที่พาไปตรวจสอบ: ปั๊มน้ำมัน PTT และ 7-11 บ้านผือ (ศรีสะเกษ),โรงเรียนภูมิซรอลวิทยา และ รพ.สต.บ้านชำเม็ง, ศูนย์พักพิง ในพื้นที่
◼️ ทูตได้เห็นชัดเจนว่า จุดที่ถูกโจมตีเป็นพื้นที่พลเรือน ห่างจากแนวปะทะ มากกว่า 10–30 กม.
◼️ พลตรีวินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกย้ำว่า “เราไม่ได้จัดฉาก จุดที่พาไปคือจุดเกิดเหตุจริง ๆ เพื่อให้คณะทูตเห็นและนำความจริงไปสื่อสารต่อในเวทีโลก
กองทัพบก “ไล่ไทม์ไลน์” ชี้กัมพูชาเริ่มก่อนอย่างเป็นระบบ
13 ก.พ. 2568
▪️ กัมพูชานำ “นักท่องเที่ยว” ขึ้น ปราสาทตาเมือนธม ร้องเพลงปลุกใจ → ยั่วยุไทยชัดเจน
28 ก.พ. 2568
▪️ เผา ศาลาตรีมุข ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ความร่วมมือระหว่างไทย-กัมพูชา-ลาว
มี.ค. – เม.ย. 2568
▪️ ทหารกัมพูชา ดัดแปลงภูมิประเทศ–ขยายแนวคูเลต เข้ามาในเขตไทย
▪️ ไทยเตือนผ่านช่องทางทูต แต่ถูกเพิกเฉย
เม.ย. – พ.ค. 2568
▪️ กัมพูชา เพิ่มกำลังทหารและอาวุธยุทโธปกรณ์ ประชิดชายแดน
▪️ ภาพถ่ายดาวเทียมโดยนักวิจัยออสเตรเลียยืนยันการเตรียมรุก
28 พ.ค. 2568
▪️ กัมพูชาเปิดฉากยิงก่อน (Skirmish) ที่ ช่องบก
– ไทยตอบโต้เพื่อป้องกันตนเอง
– พยายามใช้ช่องทางทวิภาคี แต่ไร้ผล
ก.ค. 2568
▪️ กัมพูชา ลักลอบวางทุ่นระเบิด PMN-2 ในเขตไทย เป็นเหตุให้ ทหารไทยขาขาด 2 นาย
▪️ ฝ่าฝืนอนุสัญญาออตตาวาและหลักมนุษยธรรมอย่างร้ายแรง
▪️ ยังส่ง ทหารในเครื่องแบบ–นอกเครื่องแบบ มาปลอมเป็นพลเรือน → ยั่วยุไทย
▪️ จัดคอนเทนต์ในพื้นที่ปราสาทชายแดน → ปลุกเร้า–ชวนกระทบกระทั่ง
24 ก.ค. 2568 เริ่มโจมตีเป้าหมายพลเรือนชัดเจน
▪️ ใช้ปืนเล็กยาว, mortar, BM-21 ยิงเข้าไทยพื้นที่เป้าหมายห่างแนวปะทะถึง 30 กม.
▪️ สถานที่ถูกยิง: รพ.พนมดงรัก (สุรินทร์),ปั๊ม PTT และ 7-11 บ้านผือ (ศรีสะเกษ) โรงเรียน, บ้านเรือนใน สุรินทร์–ศรีสะเกษ–บุรีรัมย์–อุบลฯ
▪️ ผลกระทบ:.ทำให้พลเรือนบาดเจ็บ 36 ราย และเสียชีวิต 15 ราย (รวมเด็ก 8 ขวบ).มีพลเรือนอพยพกว่า 150,000 คน
28 ก.ค. 2568 เจรจาหยุดยิงที่มาเลเซีย
ไทย–กัมพูชาเห็นชอบหยุดยิง ไทยทำตามทันที แต่กัมพูชายังละเมิดต่อ
29–31 ก.ค. 2568 กัมพูชายังละเมิดต่อเนื่อง
▪️ พื้นที่ที่ถูกละเมิด: 1. ช่องบก (อุบลฯ) 2. สามแต, ผามออีแดง, ภูมะข่า (ศรีสะเกษ) 3. แพลนเยา, ปราสาทตาควาย (สุรินทร์)
▪️ พบทหารกัมพูชาเพิ่มกำลัง + ใช้ UAV เข้าตรวจการณ์ในเขตไทย
ไทยโต้ข้อกล่าวหา–การบิดเบือนจากฝั่งกัมพูชา
1. ข้อกล่าวหาเรื่องการใช้อาวุธเคมี (Chemical Weapons)
ข้อกล่าวหาจากฝ่ายกัมพูชา:
▪️รัฐบาลกัมพูชาเผยแพร่ภาพในสื่อและโซเชียลมีเดีย กล่าวหาว่าไทย ใช้ระเบิดเคมี (Chemical Bombs) โจมตีเป้าหมายพลเรือนบริเวณแนวชายแดน
▪️มีการอ้างว่า “ควันสีชมพู” ที่ปรากฏในภาพเป็นการใช้สารเคมีที่เป็นพิษต่อมนุษย์
คำชี้แจงจากฝ่ายไทย: ไทย ปฏิเสธข้อกล่าวหานี้อย่างสิ้นเชิง โดยระบุว่า:
▪️ ประเทศไทยเป็นภาคีของ อนุสัญญาว่าด้วยอาวุธเคมี (CWC – Chemical Weapons Convention)
▪️ ไม่มีหน่วยใดของกองทัพไทยที่ ผลิต, ครอบครอง, สะสม หรือใช้อาวุธเคมี ทั้งในด้านยุทธวิธีหรือยุทธศาสตร์
▪️ภาพที่ฝ่ายกัมพูชานำมาใช้ประกอบการกล่าวหา นั้น เป็น ภาพเก่า มาจาก ภารกิจดับไฟป่าในรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ปี 2022
▪️ ในภาพเป็น เครื่องบินของบริษัทเอกชน (10 Tanker) กำลัง ปล่อยสารดับไฟป่า (Fire Retardant) ซึ่งเป็นสารสีชมพู
▪️ ถูก ตัดต่อ–บิดบริบท เพื่อนำมากล่าวหาว่าเป็นการโจมตีทางเคมีโดยไทย
2. ข้อกล่าวหาเรื่องระเบิด MK-84
ข้อกล่าวหาจากฝ่ายกัมพูชา:
▪️หัวหน้า CMAC (หน่วยเก็บกู้ทุ่นระเบิดของกัมพูชา) นายเฮง รัตนา ระบุผ่านสื่อว่า
▪️ ฝ่ายไทย ใช้ระเบิด MK-84 โจมตีพื้นที่บ้านเรือนของพลเรือนในฝั่งกัมพูชา
▪️ พร้อมแนบภาพซากวัตถุระเบิดประกอบ
คำชี้แจงจากฝ่ายไทย: ไทย ปฏิเสธอย่างสิ้นเชิง โดยชี้ว่า:
▪️ ภาพวัตถุระเบิดดังกล่าว เป็น ระเบิดเก่ายุคสงครามเวียดนาม
▪️ ไม่สามารถยืนยันทาง หลักวิทยาศาสตร์ ว่าเป็น MK-84 หรือมาจากกองทัพไทย
▪️ ลักษณะการอ้างอิงภาพ ไม่มีความน่าเชื่อถือและเชื่อมโยงกับสถานการณ์ปัจจุบันไม่ได้
“กองทัพบกกล่าวสรุปช่วงท้ายว่า…” กัมพูชาเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร บิดเบือนข้อมูลอย่างเป็นระบบ.…ขอให้ ประชาคมระหว่างประเทศ
ร่วมติดตามสถานการณ์ด้วยความเข้าใจ และผลักดันให้เกิด การเจรจาด้วยสันติวิธี”
ขอบคุณข้อมูล: อรรถรส,กองทัพภาคที่ 2