อ. ปวิน โพสต์ข้อกังวล หลังแต่งตั้ง บุ๋ม ปนัดดา เป็นโฆษกศบ.ทก.

สืบเนื่องจากกรณีที่ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมออกมาประกาศว่ามีการแต่งตั้ง “บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี” นั่งตำแหน่งโฆษก ศบ.ทก.จิตอาสา ทำหน้าที่คอยโต้ “พล.ท.หญิง มาลี โสเจียตา” โฆษกกลาโหมกัมพูชาอย่างเป็นทางการ

ล่าสุด “อ. ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์” หรือที่หลายคนรู้จักในฐานะนักวิชาการและเจ้าของผลงานหนังสือมากมายก็ได้ออกมาโพสต์แสดงความคิดเห็นถึงเรื่องนี้

และแสดงความเป็นห่วงว่าจะเกิดผลเสียมากกว่าผลดี โดยระบุเป็นข้อๆว่า

แต่งตั้งปนัดดา วงศ์ผู้ดี เป็นโฆษก ศบ.ทก. จิตอาสา บอกเลยดิชั้นกังวลใจมาก และอาจนำมาซึ่งผลเสียมากกว่าผลดีค่ะ

1. การที่พลเอกณัฐพลบอกว่าปนัดดาจะมาทำหน้าที่ “ปะทะ” กับโฆษกของกัมพูชา และมีการพูดถึงเรื่อง “ความสวย” ที่เหนือกว่าอย่างมั่นใจด้วย แสดงให้เห็นถึงความเข้าใจที่ผิดพลาดอย่างสิ้นเชิงต่อหน้าที่ของโฆษก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ หน้าที่ของโฆษกไม่ใช่การ “ชน” หรือ “ปะทะ” กับคู่กรณี แต่คือการสร้างภาพลักษณ์ของประเทศ การสื่อสารข้อเท็จจริงอย่างเป็นทางการ และการควบคุมสถานการณ์ไม่ให้บานปลาย การใช้ถ้อยคำที่มุ่งเน้นการเอาชนะหรือการเปรียบเทียบในลักษณะที่ไม่เป็นทางการเช่นนี้ ไม่เพียงแต่ไม่ส่งเสริมแนวทางการทูตเชิงสันติ แต่ยังอาจสร้างความขุ่นเคืองให้กับอีกฝ่ายและยิ่งเพิ่มความตึงเครียดให้มากขึ้น นี่ทำไมฝ่ายเราถึงคิดไม่ได้ ทำไมฝ่ายเราถึง “ไม่โต” คะ?

2. นี่ยังเป็นการเลือกใช้กลยุทธ์ที่มุ่งปลุกปั่นชาตินิยมและความสะใจ คำกล่าวที่ว่าปนัดดาจะมา “ชน” กับโฆษกของกัมพูชา อาจตีความได้ว่าเป็นการใช้กลยุทธ์ที่มุ่งเน้นการตอบโต้ด้วยอารมณ์มากกว่าเหตุผล ซึ่งอาจสอดคล้องกับความต้องการของกลุ่มคนที่ต้องการความสะใจในการแสดงความรักชาติแบบบ้าคลั่ง แต่นี่ไม่ใช่แนวทางที่นำไปสู่สันติภาพ การกระทำเช่นนี้ไม่ใช่การแสดงออกถึงความเข้มแข็งของประเทศ แต่เป็นการแสดงออกถึงความไม่เป็นมืออาชีพ ความ childish และอาจทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศไทยในสายตาประชาคมโลกลดลงอย่างรวดเร็ว การรักชาติเป็นสิ่งที่ดีนะคะ แต่การแสดงออกซึ่งความรักชาตินั้นควรเป็นไปอย่างมีสติและถูกที่ถูกทาง การแสดงออกในนามของประเทศควรยึดมั่นในหลักการและเหตุผลทางการทูตเป็นสำคัญ ไม่ใช่การปะทะคารมผ่านสื่อ การเมืองนะคะ ไม่ใช่ละครที่บุ๋มเคยเล่น

3. หน้าที่ของโฆษกในสถานการณ์ที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้ต้องอาศัยทักษะเฉพาะทางอย่างยิ่ง ทั้งทักษะด้านการทูต การสื่อสารวิกฤต และความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในประเด็นความมั่นคงระหว่างประเทศ การใช้บุคคลที่มีชื่อเสียงจากงานด้านจิตอาสาและวงการเซเลป แม้จะมีเจตนาดีและมีความน่าเชื่อถือในฐานะบุคคล แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะมีทักษะที่จำเป็นในการทำหน้าที่โฆษกของรัฐ การพูดอะไรออกไปในแต่ละครั้งอาจส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศได้ ดังนั้น โฆษกจึงควรเป็นผู้ที่ผ่านการฝึกฝนและมีความรู้ความเข้าใจในเชิงลึก ไม่ใช่ใครก็ได้ที่อยากทำงานนี้

4. ในขณะที่รัฐบาลไทยควรยึดมั่นในแนวทางการแสวงหาสันติภาพผ่านการทูตและกลไกระหว่างประเทศอย่างที่เคยทำมา แต่แนวคิดในการ “ชน” กับโฆษกของกัมพูชาผ่านสื่อออนไลน์กลับเป็นสิ่งที่ขัดแย้งโดยสิ้นเชิงกับหลักการดังกล่าว การสร้างโฆษกให้มีบทบาทในลักษณะนี้เท่ากับเป็นการกระพือความขัดแย้งให้ยิ่งรุนแรงขึ้น แทนที่จะมุ่งเน้นการลดความตึงเครียดและสร้างความเข้าใจร่วมกัน

…ดิชั้นฟันธงค่ะ แนวคิดนี้เป็นตัวอย่างของ “Bad Idea” ที่น่ากังวลอย่างยิ่ง เพราะเป็นการแสดงออกถึงความไม่เข้าใจในหลักการบริหารวิกฤตและการทูตสมัยใหม่ และอาจนำพาประเทศไปสู่ความขัดแย้งที่รุนแรงขึ้นโดยไม่จำเป็น เฮ้อ สมอง…

เอาเป็นว่ามีความคิดเห็นยังไงก็สามารถคอมเมนต์แลกเปลี่ยนกันเข้ามาได้ แต่ขอความกรุณาคอมเมนต์อย่างสุภาพด้วยนะคะ

ขอบคุณข้อมูล : Pavin Chachavalpongpun