หลังจากที่ บุ๋ม ปนัดดา ได้รับการแต่งตั้งจากศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ให้นั่งตำแหน่งโฆษก ศบ.ทก. จิตอาสา ทำหน้าที่คอยโต้ “พล.ท.หญิง มาลี โสเจียตา” โฆษกกลาโหมกัมพูชาอย่างเป็นทางการ ซึ่งต่อมา ทางด้าน น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกคณะก้าวหน้า
ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวการเมืองช่อง 3 ถึงการที่ศูนย์บริหารสถานการณ์บริเวณชายแดน ไทย-กัมพูชา(ศบ.ทก.)
เปิดตัว น.ส.ปนัดดา วงศ์ผู้ดี ประธานมูลนิธิองค์กรทำดี อดีตนางสาวไทยปี 2543 ว่า ผลของการประชุม GBC ที่เกิดขึ้น ที่ทั้งไทยและกัมพูชา
ได้ตกลงร่วมกัน ข้อที่สำคัญมากเกี่ยวกับการสื่อสารคือ ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะไม่มีการใส่ร้ายป้ายสีกันด้วยข้อมูลข่าวปลอม
หรือ ปฏิบัติการทางจิตวิทยา หรือยั่วยุให้เกิดความรุนแรง ทำให้ความสัมพันธ์ทั้งสองประเทศย่ำแย่ลง ดังนั้น การที่ ศบ.ทก. ตั้งโฆษกคนใหม่
โดยพยายามบอกว่าเอา น.ส.ปนัดดา มาชนกับ พล.ท.มาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ตนคิดว่า น.ส.ปนัดดา สามารถทำได้มากกว่านั้นมาก
ด้วยบุคลิก ความสามารถด้านภาษา หรืออะไรก็ตาม ตนคิดว่าเป็นภารกิจของจักรวาลก็ได้ “เราจะต้องทำให้เห็นว่า สื่อสารของเรา
ไม่ใช่สื่อสารเพื่อตอบโต้กลับมาลีหรือกัมพูชา สิ่งที่ดิฉันหวังจะเห็นจากคุณบุ๋มคือ คุณบุ๋มเป็นผู้สื่อสารกับประชาคมโลก
นานาอารยประเทศที่เขากำลังจับตามองอยู่ว่าความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชาจะคลี่คลายไปสู่ทิศทางใด ซึ่งทุกฝ่ายก็หวังสันติภาพ
ดิฉันคิดว่าภารกิจจักรวาลของคุณบุ๋มก็คือ ทำให้ประชาคมโลกได้เห็นว่าไทยเป็นประเทศที่ยึดหลักการ ยึดหลักสันติภาพ
และเป็นประเทศที่ไม่ไปรุกรานใครก่อน มีวุฒิภาวะ ใช้เหตุผล ไม่ใช้เฟกนิวส์ ซึ่งดิฉันเชื่อว่าคุณบุ๋มทำได้ จะเป็นประโยชน์กับประเทศไทยมหาศาล
เพราะปัจจุบันนี้ที่เรากำลังต่อสู้อยู่ เราต่อสู้เพื่อสร้างการยอมรับยอมรับให้ประชาคมโลก ให้นานาประเทศเชื่อว่าเราเป็นฝ่ายที่ถูกต้อง
ไม่ได้ไปรุกรานหรือรังแกประเทศที่อ่อนแอกว่า” น.ส.พรรณิการ์ กล่าว เมื่อถามว่าฝ่ายกองเชียร์อาจจะหวังให้มีการตอบโต้
จะต้องลดความร้อนแรงหรือไม่ น.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่า สถานการณ์ ณ วันนี้เป็นสถานการณ์ที่คลี่คลายไปในทิศทางที่ดีแล้ว
แน่นอนว่าการปะทะการสงบนิ่งมาเป็นสัปดาห์แล้ว เหลือแต่ให้สถานการณ์มั่นคง พอพี่น้องประชาชนสามารถกลับบ้านได้
ก็จะเข้าสู่สถานการณ์ที่เกือบจะเป็นปกติ ที่เหลือก็เป็นการจัดการด้านชายแดน เป็นเรื่องของทหารทั้งสองประเทศ
เพราะฉะนั้นโดยสถานการณ์ที่กำลังคลี่คลายลงไปแบบนี้แล้ว ตนคิดว่าการสื่อสารของ น.ส.ปนัดดา คงเป็นเรื่องของช่วยให้เกิดความเข้าใจอันดี
และที่สำคัญคือให้พี่น้องประชาชนมั่นใจว่า เมื่อสถานการณ์คลี่คลายแล้ว พวกเขาจะกลับบ้านได้อย่างปลอดภัย
ถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะคืนความปกติสุขในทุกระดับให้กับประชาชนชายแดน ซึ่งเกือบ 200,000 คน ยังไม่ได้กลับบ้าน
เมื่อถามว่าในทางการต่างประเทศ จะต้องจับตาอะไรอีกหรือไม่ ต่อจากนี้ น.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่า ผลของ GBC เมื่อวานนี้
เห็นได้ชัดเจนว่ามีความพยายามที่จะมีกรอบการเดินหลังจากนี้ไปอย่างเป็นระบบมากๆ สิ่งที่ต้องจับตามองคือ การตั้งทีมที่เรียกว่า Interim Observer Team (IOT)
หรือ คณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว ซึ่งเป็นหนึ่งในข้อสรุปของการประชุมเมื่อวานนี้ ว่าในระหว่างทีมผู้สังเกตการณ์ตัวจริง จะต้องรอทางมาเลเซียที่เขาเป็นคนกลาง
ตั้งทีมที่จะประกอบไปด้วยใครบ้าง แต่ทีมที่จะต้องตั้งขึ้นมาเพื่อดูว่าการหยุดยิงจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ เพราะต้องยอมรับว่าเราเองก็ไม่มั่นใจ
ว่ากัมพูชาจะปฏิบัติตามข้อตกลงที่ดูดีมากได้มากน้อยแค่ไหน ทีมมอนิเตอร์จึงมีความสำคัญ จะได้เป็นกระบอกเสียงของความจริง
ว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งละเมิดการหยุดยิงเป็นฝ่ายไหน เพราะเราเป็นคู่ขัดแย้งกับกัมพูชา ถ้าพูดเองจะน่าเชื่อถือ
เพราะประชาคมโลกมองว่าเป็นคู่ขัดแย้งกัน ถ้ากัมพูชาเขาละเมิด ทีมมอนิเตอร์ต้องทำงานทันที
ก็จะกลับมาที่โฆษกของเรา อย่าง น.ส.ปนัดดา ก็จะมีส่วนช่วยขยายให้ประชาคมโลกได้เห็นว่า ถ้าละเมิดการหยุดยิงขึ้น ข้อเท็จจริงคืออะไร
ขอบคุณข้อมูล: เรื่องเล่าเช้านี้