เพจฯ ทนายคู่ใจ หรือ ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก หลังศาลศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาแก้โทษ ลุงพล คดีน้องชมพู่ว่า ด่วน! ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษา “ลุงพล” จำคุก 26 ปี – คดีน้องชมพู่จากประมาท กลายเป็นฆ่าโดยเจตนา วันนี้ (13 สิงหาคม 2568)
ผมติดตามข่าวการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 4 จากศาลจังหวัดมุกดาหาร ในคดีที่คนทั้งประเทศรู้จักกันดี — คดีการเสียชีวิตของ “น้องชมพู่”
เด็กหญิงวัย 3 ขวบ จากหมู่บ้านกกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร เหตุเกิดตั้งแต่ 11 พฤษภาคม 2563 น้องหายออกจากบ้าน
ก่อนจะพบเสียชีวิตอยู่บนภูเหล็กไฟในสภาพที่เป็นปริศนามานานหลายปี คดีนี้เป็นข่าวใหญ่ระดับประเทศ สื่อทุกสำนักเกาะติด สังคมวิพากษ์กันไม่หยุด
คำพิพากษาศาลชั้นต้น – 20 ธันวาคม 2566 ศาลจังหวัดมุกดาหารตัดสินว่า
• นายไชย์พล วิภา (ลุงพล) มีความผิด
1. กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย (มาตรา 291)
2. พรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปีโดยไม่มีเหตุอันสมควร (มาตรา 317 วรรคแรก)
• ลงโทษจำคุก กระทงละ 10 ปี รวม 20 ปี
• ให้ชดใช้ค่าสินไหมแก่ครอบครัวผู้ตาย
• นางสมพร หลาบโพธิ์ (ป้าแต๋น) ยกฟ้อง
พูดง่าย ๆ คือ ศาลชั้นต้นมองว่าเป็นการกระทำที่ “ประมาท” ไม่ใช่เจตนาฆ่า
คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 4 – 13 สิงหาคม 2568 ศาลอุทธรณ์พลิกคำตัดสิน โดยแก้โทษลุงพลเป็น
1. ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาเล็งเห็นผล (มาตรา 288)
2. พรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปีโดยไม่มีเหตุอันสมควร (มาตรา 317 วรรคแรก)
3. อำพรางซ่อนเร้นศพ (มาตรา 199)รวมโทษ จำคุก 26 ปีส่วนป้าแต๋น ยกฟ้องเหมือนเดิม
ประเด็นสำคัญ – จาก “ประมาท” เป็น “ฆ่าโดยเจตนาเล็งเห็นผล”
ตรงนี้คือหัวใจของคดี ศาลอุทธรณ์มองว่าการกระทำของลุงพลไม่ใช่แค่ขาดความระมัดระวัง
แต่เป็นการยอมรับความเสี่ยงที่รู้ว่าผลจะทำให้ถึงแก่ความตาย เช่น การพาเด็กไปในพื้นที่อันตรายโดยไม่มีการป้องกัน
และปล่อยให้เกิดเหตุจนถึงขั้นเสียชีวิตมาตรา 288 บัญญัติชัดว่าโทษของการฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาคือ จำคุก 15–20 ปี, จำคุกตลอดชีวิต
หรือประหารชีวิต แตกต่างจากมาตรา 291 ที่เป็นเพียงโทษประมาท
-ข้อหาใหม่ – อำพรางศพ
ศาลอุทธรณ์ยังเพิ่มข้อหา “อำพรางซ่อนเร้นศพ” ตามมาตรา 199 เพราะหลังเกิดเหตุ
มีการกระทำที่เข้าข่ายทำลายหรือปิดบังพยานหลักฐาน เพื่อไม่ให้ตรวจหาสาเหตุการตายได้โดยง่าย
-เหตุผลที่ป้าแต๋นยังยกฟ้อง
แม้จะถูกตั้งข้อหา แต่ทั้งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์เห็นว่าพยานหลักฐานยังไม่เพียงพอที่จะเชื่อมโยงว่าป้าแต๋นมีส่วนร่วมในเหตุการณ์ จึงยกฟ้องเช่นเดิม
-ผลทางคดีและสิทธิของจำเลย
• คำพิพากษานี้ ยังไม่ถึงที่สุด ลุงพลสามารถยื่นฎีกาได้
• การขอประกันระหว่างฎีกา ศาลจะพิจารณาจากพฤติการณ์ ความร้ายแรงของข้อหา และโทษจำคุกที่สูงขึ้น
• หากฎีกาไม่เปลี่ยนแปลง ลุงพลจะต้องรับโทษจำคุกตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
ขอบคุณข้อมูล: ทนายคู่ใจ