โดยเมื่อวานที่ผ่านมา เวลาประมาณ 19.30 น. หลวงพ่ออลงกต ได้ออกมาเปิดใจกับสื่อ หลังตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ โดยหลวงพ่อยอมรับว่าทราบเรื่องที่ทาง นายสุชาติ และหน่วยงานของจังหวัดที่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่จะเข้ามายังวัด
ซึ่งส่วนตัวไม่ได้ติดใจอะไรเพราะถือว่าเป็นการมาเอาข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริง เพื่อสร้างความกระจ่างให้กับสังคม ซึ่งเจ้าหน้าที่ของทางวัดก็สามารถให้คำตอบได้อยู่แล้ว
ส่วนหลวงพ่อเองก็ได้ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาส ซึ่งทางเจ้าคณะจังหวัดได้ทราบและอนุมัติ โดยเป็นเหตุผลส่วนตัว เพราะอยากให้ทุกภาคส่วนได้มีการขับเคลื่อนเรื่องการตรวจสอบและการดูแลและการให้ข้อแนะนำต่างๆ เพราะวัดพระบาทน้ำพุมีหลายมูลนิธิ
เท่าที่ทราบก็จะเริ่มมีการตรวจสอบอย่างละเอียด รวมถึงการลงพื้นที่ในทุกมูลนิธิ ตนก็เลยตัดสินใจขอลาออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสเพื่อให้ทุกคนสบายใจและสะดวกใจที่จะเข้ามาตรวจสอบจากหน่วยงานทุกภาคส่วน
จะได้ไม่ต้องเกรงใจบารมีของตน ส่วนผลของการตรวจสอบ ทราบว่าได้มีการวางกรอบเอาไว้ในหลายประเด็น บางประเด็นอาจใช้เวลา 10 วันถึง 1 เดือน
ดังนั้นหากตรวจสอบแล้วเมื่อพบการบกพร่อง ก็ขอให้แนะนำ เพราะทางวัดก็ยินดีที่จะแก้ไข แล้วตนก็ยินดี หากมีเจ้าอาวาสรูปใหม่มาปฎิบัติหน้าที่แทน แต่ตัวเองก็จะทำงานที่ทำอยู่เหมือนเดิม
เพราะตนก็รู้ว่าวัดที่ดีตามสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ควรเป็นอย่างไร พร้อมกับยืนยันว่าหลังจากนี้ทุกอย่างก็จะชัดเจนขึ้น มีการเก็บข้อมูลของการทำบุญเพื่อให้ง่ายต่อการตรวจสอบทุกรายการ
ดังนั้นจึงอยากขอให้เห็นใจและเข้าใจหลวงพ่อ ว่าหลวงพ่อก็เป็นมนุษย์คนหนึ่งและมักจะไม่พูดอะไรมาก ส่วนเรื่องการตั้งข้อสงสัยเรื่องส่วนตัวหลวงพ่อ เจ้าตัวยอมรับว่าไม่เข้าใจว่าทำไมถึงมีการโยงกันได้ถึงขนาดนั้น
ที่ผ่านมาพยายามอดทนอดกลั้นและเก็บไว้สอนใจ แต่ถ้าให้ตนเดาก็เชื่อว่าคงมีใครบางคนอยากจัดการตน วันนี้จึงอยากขอฝากอย่างหนึ่ง คือ
“ถ้าหลวงพ่อเป็นอะไรไป อะไรจะเกิดขึ้นถ้าหลวงพ่อล้ม แต่ ณ วันนี้หลวงพ่อยังยืนอยู่ยังไม่ล้ม แต่ถ้าหลวงพ่อล้มไปมันจะกระทบไปอย่างไร ทำกับหลวงพ่อ หลวงพ่อทนได้ แต่ทำไมต้องทำกับผู้บริสุทธิ์ ทำไมต้องทำให้คนป่วยร้องไห้ ทั้งคนชราและเด็ก ก็มองว่ามันเกินเลยไป”
ขอบคุณข้อมูล: amarintv