นิตยสาร Property & Development ของอังกฤษ เปิดเผยข้อมูลว่า ฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา มีทรัพย์สินส่วนตัวไม่ต่ำกว่า 4,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 1.48 แสนล้านบาท ขณะที่ราชวงศ์การเมือง “ตระกูลฮุน” ยังคงครองอำนาจทั้งด้านการเมืองและเศรษฐกิจในประเทศ
ตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา ฮุน เซน วางรากฐานเครือข่ายอำนาจอย่างแน่นหนา แม้เงินเดือนอย่างเป็นทางการในตำแหน่งผู้นำประเทศ
จะเพียง 1,100 ดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน (ประมาณ 40,000 บาท) แต่รายงานสืบสวนจำนวนมากกลับระบุว่าครอบครัวของเขามีทรัพย์สินมหาศาล ทั้งในและต่างประเทศ
รายงาน Hostile Takeover ของ Global Witness เมื่อปี 2016 ระบุว่าครอบครัวสายตรงของฮุน เซน ถือครองธุรกิจภายในกัมพูชาไม่น้อยกว่า 114 บริษัท
มูลค่ารวมกว่า 200 ล้านดอลลาร์ หรือราว 7,400 ล้านบาท โดยยังไม่รวมที่ดินและบัญชีนอกประเทศที่เชื่อมโยงกับเครือข่ายครอบครัว
ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญหลายฝ่ายประเมินว่ามูลค่าผลประโยชน์จริงอาจสูงถึง 4,000 ล้านดอลลาร์ หนึ่งในสัญลักษณ์ความมั่งคั่งของผู้นำกัมพูชา
คือคอลเลกชันนาฬิกาหรู เช่น Richard Mille รุ่น RM57-05 Tourbillon Eagle ราคากว่า 44 ล้านบาท และ Patek Philippe Grandmaster Chime 5175 มูลค่าเกือบ 100 ล้านบาท
ซึ่งสะท้อนวิถีชีวิตที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ นอกจากนี้ ฮุน เซน ยังแต่งตั้งบุตรธิดาเข้าสู่ตำแหน่งสำคัญในกองทัพ รัฐบาล
และสื่อ เช่น ฮุน มานา บุตรสาวที่ถือหุ้นด้านการสื่อสาร และบุน รานี ภริยา ผู้ทรงอิทธิพลในแวดวงการเมืองและการกุศล
ขณะที่การถ่ายโอนอำนาจสู่ ฮุน มาเนต บุตรชายคนโต ในปี 2023 ก็ถูกมองว่าเป็นการสืบทอดราชวงศ์ทางการเมืองอย่างสมบูรณ์
การสืบสวนยังพบว่า เครือข่ายสื่อภายใต้ครอบครัวฮุนถูกใช้เพื่อควบคุมการเล่าเรื่อง ปิดปากนักวิจารณ์ และสร้างภาพลักษณ์เชิงบวก
ขณะที่ผลประโยชน์ทางธุรกิจยังแผ่ขยายไปต่างประเทศ เช่น สิงคโปร์ ออสเตรเลีย และสหราชอาณาจักร โดยมีการครอบครองอสังหาริมทรัพย์หรู
ผ่านบริษัทบังหน้าและนิติบุคคลนอกประเทศ ภาพลักษณ์หรูหราของครอบครัวฮุนที่เผยแพร่บนสื่อสังคมออนไลน์ ยิ่งเพิ่มแรงกดดันจากประชาชนที่ต้องเผชิญความยากจน
การสูญเสียที่ดิน และการเข้าถึงบริการพื้นฐานที่จำกัด แม้กระนั้น ฮุน เซน ยังคงรักษาอำนาจผ่านตำแหน่งประธานวุฒิสภา
ซึ่งทำให้เขายังมีบทบาทกำหนดทิศทางนโยบายและปกป้องผลประโยชน์ขอภาพลักษณ์หรูหราของครอบครัวฮุนที่เผยแพร่บนสื่อสังคมออนไลน์
ยิ่งเพิ่มแรงกดดันจากประชาชนที่ต้องเผชิญความยากจน การสูญเสียที่ดิน และการเข้าถึงบริการพื้นฐานที่จำกัด แม้กระนั้น ฮุน เซน ยังคงรักษาอำนาจผ่านตำแหน่งประธานวุฒิสภา
ซึ่งทำให้เขายังมีบทบาทกำหนดทิศทางนโยบายและปกป้องผลประโยชน์ของครอบครัว ตลอดเกือบ 40 ปีในอำนาจ ฮุน เซน ถูกทั้งเกรงขามและวิพากษ์วิจารณ์
เขามีบทบาทสำคัญในการรัฐประหารปี 1997 ที่โค่น นโรดม รณฤทธิ์ พร้อมปิดกั้นฝ่ายค้านและเสียงประชาธิปไตยมายาวนาน
ความมั่งคั่งและการรวมศูนย์อำนาจยังส่งผลให้เกิดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ แม้กัมพูชาจะเติบโตทางการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมสิตลอดเกือบ 40 ปี
ในอำนาจ ฮุน เซน ถูกทั้งเกรงขามและวิพากษ์วิจารณ์ เขามีบทบาทสำคัญในการรัฐประหารปี 1997 ที่โค่น นโรดม รณฤทธิ์ พร้อมปิดกั้นฝ่ายค้าน
และเสียงประชาธิปไตยมายาวนาน ความมั่งคั่งและการรวมศูนย์อำนาจยังส่งผลให้เกิดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ
แม้กัมพูชาจะเติบโตทางการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมสิ#ไบรท์ทีวี่งทอก็ตาม อนาคตของกัมพูชาภายใต้การนำของ ฮุน มาเนต
จึงเป็นบททดสอบสำคัญ ว่าราชวงศ์การเมืองตระกูลฮุนจะสามารถรักษาอำนาจและผลประโยชน์ไว้ได้อีกนานเพียงใด ท่ามกลางแรงกดดันจากทั้งภายในและภายนอกประเทศ
ขอบคุณข้อมูล: Bright TV