เมื่อวันที่ 26 ส.ค.68 นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ เลขานุการ รมว.มหาดไทย กล่าวถึงภาพรวมการช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การปะทะระหว่างไทยและกัมพูชาในพื้นที่ 7 จังหวัดชายแดนว่า นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย มีข้อสั่งการให้ดำเนินการช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง
ตั้งแต่ช่วงต้นของการปะทะ โดยประสานอนุมัติขยายวงเงินทดรองจ่ายภายใต้อำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นจังหวัดละ 100 ล้านบาทโดยทันที
ซึ่งได้ใช้เพื่อสนับสนุนการอพยพ การบริหารจัดการศูนย์พักพิงผู้อพยพ ซ่อมแซมหลุมหลบภัย ตลอดจนการส่งคนกลับบ้าน
และคืนสภาพสังคมที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งขณะนี้มียอดเบิกจ่ายแล้วรวม 198,418,791 บาท
นายชนินทร์ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมายังมีข้อสั่งการเพิ่มเติม เพื่อบรรเทาปัญหาและให้การช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ที่กลับเข้ามาใช้ชีวิตตามปกติแล้วในอีก 4 เรื่องสำคัญ ได้แก่
1.อนุมัติเงินช่วยเหลือผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตสูงสุด 10 ล้านบาท จากงบกลางและเงินกองทุนฯ
2.งดเว้นการเรียกเก็บ ค่าน้ำ-ค่าไฟ เป็นเวลา 2 เดือนระหว่าง ก.ค.-ส.ค.
3.ระดมความช่วยเหลือในการซ่อมแซมบ้านเรือนที่เสียหายจากหน่วยงานต่างๆ ของภาครัฐ
4.ข้อสั่งการให้เบิกจ่ายเบี้ยเลี้ยงอาสาปฏิบัติงาน หรือ ชรบ.ที่ช่วยลาดตระเวนระหว่างช่วงอพยพในอัตรา 120-240 บาท/วัน ผ่านเงินทดรองจ่ายในอำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัด
นายชนินทร์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ในวันนี้คณะรัฐมนตรียังอนุมัติการช่วยเหลือเพิ่มเติมในอีก 2 เรื่องสำคัญ ได้แก่
1.เงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากการกระทำของกองกำลังภายนอกประเทศ
-อนุมัติการจ่ายรายครัวเรือนๆ ละ 2,000 บาท สำหรับการอพยพไม่เกิน 7 วัน
-อนุมัติการจ่ายรายครัวเรือนๆ ละ 5,000 บาท เป็นเงินสดผ่านระบบพร้อมท์เพย์ (prompt-pay)
สำหรับการอพยพตั้งแต่ 8 วันขึ้นไปโดยใช้งบประมาณจากงบกลางเป็นเงิน 1,516 ล้านบาท
2.งบประมาณสำหรับสร้างบังเกอร์และหลุมหลบภัย 779 แห่ง และงบประมาณ ซ่อม สร้าง หอกระจายข่าว 221 แห่ง ในพื้นที่ชายแดนกัมพูชา 7 จังหวัด
สำหรับเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต โดยใช้งบประมาณจากงบกลาง เป็นเงิน 194 ล้านบาท
“ขอให้พี่น้องประชาชนทุกท่านสบายใจ ว่ารัฐบาลมุ่งมั่นแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชาอย่างเต็มที่มาโดยตลอด
เพื่อให้พี่น้องกว่า 4,000 หมู่บ้านใน 7 จังหวัดกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติ และจะพยายามอย่างเต็มที่ต่อไป
เพื่อเร่งรัดการช่วยเหลือในมิติต่างๆ ให้ถึงมือพี่น้องประชาชนโดยเร็วที่สุด“ นายชนินทร์ กล่าว
ขอบคุณข้อมูล: matichon