จากการจัดตั้งคณะรัฐมนตรี อนุทิน 1 ล่าสุดได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง พลโท อดุลย์ บุญธรรมเจริญ หรือ บิ๊กดุลย์ อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 ขึ้นดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม อย่างเป็นทางการ พลโท อดุลย์ ถือเป็นนายทหารนักรบแห่งอีสานใต้
เติบโตมาจากสายงานความมั่นคงในกองทัพภาคที่ 2 เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 26 และนักเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้ารุ่นที่ 37 อีกทั้งยังได้รับรางวัลศิษย์เก่าดีเด่น เกียรติยศจักรดาว จากโรงเรียนเตรียมทหาร และเป็นเพื่อนร่วมรุ่นวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) รุ่นที่ 61 กับ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี
เส้นทางในกองทัพ บิ๊กดุลย์ เริ่มต้นจากการเป็นผู้บังคับหมวดทหารราบในพื้นที่ชายแดนด้านอีสานใต้ ก่อนก้าวขึ้นเป็นผู้บังคับกองร้อยและกองพันทหารราบในจังหวัดสุรินทร์และบุรีรัมย์ โดยมีบทบาทสำคัญในช่วง การสู้รบตามแนวชายแดนไทย – กัมพูชา ระหว่างปี 2551 – 2554
โดยเฉพาะการรบที่ปราสาทตาควายและปราสาทตาเมือน ซึ่งยืดเยื้อกว่า 12 วัน และถือเป็นหนึ่งในสมรภูมิที่กองทัพไทยต้องเผชิญแรงกดดันอย่างหนัก ต่อมา พลโท อดุลย์ ยังเคยปฏิบัติภารกิจในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
ในฐานะผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี 24 ดูแลพื้นที่เสี่ยงสูงอย่างอำเภอโคกโพธิ์ หนองจิก และแม่ลาน ซึ่งเผชิญการวางระเบิดและการก่อเหตุความไม่สงบหลายครั้ง แต่สามารถนำกำลังรอดพ้นมาได้
ก่อนเกษียณอายุราชการ เขาได้รับการแต่งตั้งเป็น แม่ทัพภาคที่ 2 ดูแลพื้นที่ภาคอีสานและแนวชายแดนไทย – กัมพูชา โดยมีบทบาททั้งด้านการแก้ไขปัญหาความมั่นคงชายแดน การเจรจาร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน และการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนในพื้นที่ชายแดน
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2567 พลโท อดุลย์ ได้ส่งมอบตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 2 ให้กับ พลโท บุญสิน พาดกลาง ก่อนจะถูกจับตามองว่าอาจได้รับบทบาทใหม่ทางการเมือง ซึ่งในที่สุดก็เป็นจริงในรัฐบาลชุดปัจจุบัน
บทบาทใหม่ใน ครม. การเข้ามาของ พลโท อดุลย์ ในตำแหน่ง รมช.กลาโหม ถูกมองว่าจะเป็นกำลังเสริมสำคัญให้กับ พล.อ.ณัฐพล รมว.กลาโหม โดยเฉพาะในช่วงที่ปัญหาชายแดนไทย – กัมพูชา ยังตึงเครียด ทั้งในประเด็นการเปิดด่าน การแก้ปัญหาทุ่นระเบิด การจัดการสแกมเมอร์ข้ามชาติ และการรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่พิพาทชายแดน
ด้วยเส้นทางชีวิตที่ผ่านทั้งสมรภูมิร้อนในภาคอีสานและสามจังหวัดชายแดนใต้ รวมถึงความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับผู้นำรัฐบาลชุดนี้ พลโท อดุลย์ จึงถูกจับตาว่าจะมีบทบาทอย่างมากในการดูแล ความมั่นคงและกองทัพไทย ภายใต้รัฐบาล อนุทิน 1